ผู้ชมทั้งหมด 1,333
คมนาคม พร้อมอำนวยความสะดวกประชาชนเดินทางช่วงสงกรานต์ 67 กว่า 15 ล้านคน-เที่ยว ตั้งเป้าอุบัติเหตุเป็นศูนย์ ฟรีทางด่วน-มอเตอร์เวย์ และที่จอดรถท่าอากาศยานสุวรรณภูมิโซน C
เมื่อวันที่ 5 มี.ค. ที่กระทรวงคมนาคม นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังการประชุมแผนการอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยรองรับการเดินทางของประชาชนช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2567 ว่า ได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคมเตรียมความพร้อมทุกด้าน เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางของประชาชน โดยมีเป้าหมายให้อุบัติเหตุเป็นศูนย์ เนื่องด้วยมีประชาชนจำนวนมาก ที่เดินทางด้วยรถยนต์ส่วนบุคคลและใช้บริการขนส่งสาธารณะ ระหว่างวันที่ 11 – 17 เมษายน 2567 รวม 7 วัน พร้อมทั้งให้ทุกหน่วยงานบูรณาการร่วมกันขับเคลื่อนแผนให้เกิดผลสัมฤทธิ์ เพื่อให้ประชาชนเดินทางถึงที่หมายโดยสะดวกและปลอดภัย โดยเตรียมความพร้อม กำกับดูแลการให้บริการ มาตรฐานความปลอดภัย และแจ้งข้อมูลข่าวสารประชาชนล่วงหน้าเพื่อให้ใช้ในการวางแผนการเดินทาง ภายใต้การรณรงค์ “เดินทางทั่วไทย คมนาคม สะดวก ปลอดภัย ใส่ใจให้บริการประชาชน”
นอกจานกี้ยังมีการยกเว้นการจัดเก็บค่าธรรมเนียม เป็นเวลา 7 วัน (วันที่ 11 – 17 เมษายน 2567)สำหรับมอเตอร์เวย์ 2 เส้นทาง ได้แก่ หมายเลข 7 (กรุงเทพมหานคร – เมืองพัทยา) และหมายเลข 9 (สายวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร ถนนกาญจนาภิเษก ตอนบางปะอิน – บางพลี และตอนพระประแดง – บางแค ช่วงพระประแดง – ต่างระดับบางขุนเทียน) และ และทางพิเศษ 2 เส้นทาง ได้แก่ ทางพิเศษบูรพาวิถีและกาญจนาภิเษก รวมถึงทางพิเศษ 3 เส้นทาง ได้แก่ ทางพิเศษศรีรัช อุดรรัถยา และเฉลิมมหานคร ยกเว้นค่าธรรมเนียมเป็นเวลา 3 วัน (วันที่ 13 – 15 เมษายน 2567)
ขณะเดียวกันยังเปิดให้ใช้เส้นทางมอเตอร์เวย์หมายเลข 6 ช่วงปากช่อง – เลี่ยงเมืองนครราชสีมา 4 ช่องจราจร (ไป – กลับ) ระยะทาง 77 กิโลเมตร และ เส้นทางมอเตอร์เวย์หมายเลข 81 ช่วงด่านนครปฐมฝั่งตะวันตก-ด่านกาญจนบุรี ระยะทาง 50 กิโลเมตร รวมถึงบริการที่จอดรถฟรี ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริเวณลานจอดรถยนต์ระยะยาว โซน C ตั้งแต่วันที่ 11 – 17 เมษายน 2567
อย่างไรก็ตามได้มอบให้กรมทางหลวง(ทล.)บริหารจัดการการจราจรบนถนนพระราม 2 โดยเฉพาะจุดที่เป็นคอขวด หรือจุดที่มีการจราจรติดขัดและชะลอตัว เพื่อให้การจราจรมีความคล่องตัว รวมทั้งขอความร่วมมือผู้ประกอบการรถบรรทุกไม่นำรถบรรทุกวิ่งในวันที่คาดว่าจะมีการเดินทางของประชาชนเป็นจำนวนมาก รวมทั้งมอบให้สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย กำชับสายการบินไม่ให้เที่ยวบินล่าช้า รวมทั้งประชาสัมพันธ์ให้ผู้โดยสารรับทราบสิทธิ์ของผู้โดยสารในกรณีสายการบินเลื่อนหรือยกเลิกเที่ยวบิน ตลอดจนมอบให้กรมเจ้าท่าตรวจสอบความปลอดภัยของท่าเรือทุกแห่งเพื่อรองรับการเดินทางของประชาชน และ.มอบให้ สนข. เสนอเส้นสายรองเพื่อเป็นทางเลือกรองรับการเดินทางของประชาชนในช่วงเทศกาล
นายสุริยะ กล่าวว่า ในช่วง 7 วันของเทศกาลสงกรานต์นั้น คาดว่า จะมีปริมาณการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะรวม 15.45 ล้านคน-เที่ยว เพิ่มขึ้นจากปี 2566 โดยการเดินทางในกรุงเทพมหานครส่วนใหญ่เป็นรถไฟฟ้าและรถโดยสารสาธารณะ การเดินทางระหว่างจังหวัดเป็นรถโดยสารสาธารณะ รถไฟ และเครื่องบิน ตามลำดับ สำหรับการเดินทางระหว่างประเทศเป็นการเดินทางโดยเครื่องบิน ดังนั้นจึงสั่งการให้จัดเตรียมระบบขนส่งสาธารณะทางบก ทางราง ทางน้ำและทางอากาศ รวมถึงการเชื่อมต่อการเดินทางที่สถานีรถโดยสาร สถานีรถไฟ ท่าเรือ และท่าอากาศยาน เพื่อให้บริการแก่พี่น้องประชาชนอย่างเพียงพอ เป็นไปตามมาตรฐานสากล มีความสะดวกและปลอดภัยมากที่สุด
ส่วนการคาดการณ์ปริมาณจราจรขาเข้าและออกกรุงเทพมหานครบนทางหลวงสายหลัก 5 เส้นทางในสายเหนือ อีสาน ตะวันออก ตะวันตกและใต้ รวม 4.39 ล้านคัน จึงแนะนำให้ประชาชนวางแผนการเดินทางล่วงหน้าเลี่ยงการเดินทางช่วงที่คาดว่าจะมีปริมาณการเดินทางสูงช่วงขาออกและขาเข้าในวันที่ 11 และวันที่ 15 เมษายน 2567 สำหรับผู้ที่เดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะขอให้วางแผนการเดินทางโดยสามารถจองตั๋วโดยสารล่วงหน้าผ่านช่องทางออนไลน์ ทั้งนี้ สามารถตรวจสอบข้อมูลการเดินทางและแจ้งอุบัติเหตุได้ที่ศูนย์ปลอดภัยคมนาคม สายด่วน 1356 และ Application สายด่วน และ Website ของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม
นายสุริยะ กล่าวด้วยว่า ส่วนด้านความปลอดยภัย ได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานเข้าตรวจสอบ ปรับปรุง และจัดอุปกรณ์ความปลอดภัยบริเวณจุดเสี่ยงที่เกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อน และ รณรงค์สร้างความตระหนักรู้และขอความร่วมมือประชาชนปฏิบัติตามกฎหมาย รักษาวินัยจราจร รวมถึง ระมัดระวังเพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการเดินทาง โดยเน้นการลดพฤติกรรมเสี่ยง “ไม่ขับเร็ว – คาดเข็มขัดนิรภัย – สวมหมวกนิรภัย – ดื่มไม่ขับ – รักษาวินัยจราจร – ง่วงไม่ขับ – ไม่ขับย้อนศร” รวมถึงการสวมเสื้อชูชีพทุกครั้งที่สัญจรทางน้ำ และเพิ่มความระมัดระวังเมื่อเดินทางผ่านจุดเสี่ยง เช่น บริเวณจุดตัดรถไฟ/ทางลักผ่าน เขตทางรถไฟ เป็นต้น
ที่สำคัญต้องมีการกำกับดูแลและบริหารจัดการให้เกิดความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด อาทิ ตรวจความพร้อมและมาตรฐานความปลอดภัยของพนักงานขับขี่ ยานพาหนะ และสถานีขนส่งสาธารณะทั้งทางบก ทางราง ทางน้ำและทางอากาศ การนำเทคโนโลยี เช่น กล้อง CCTV ระบบ GPS กำกับดูแลความปลอดภัยทางถนน นำระบบ AIS/VMS กำกับดูแลความปลอดภัยทางน้ำ
อีกทั้งยังได้บูรณาการความร่วมมือกับกระทรวงมหาดไทย เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนให้เกิดความปลอดภัยในการเดินทางในระดับท้องถิ่น อาทิ การรณรงค์ให้ชุมชนในพื้นที่ดูแลซึ่งกันและกัน การให้สวมหมวกนิรภัยทุกครั้งที่ขับขี่รถจักรยานยนต์ และห้ามปรามป้องกันไม่ให้ประชาชนที่เมาสุราออกจากบ้านมาขับขี่รถจักรยานยนต์ และมอบหมายเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นประสานงานกับเจ้าหน้าที่การรถไฟแห่งประเทศไทยในพื้นที่ เพื่อร่วมกันเฝ้าระวังบริเวณจุดตัดทางรถไฟกับถนนและทางลักผ่าน รวมทั้งมอบหมายเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นดูแลถนนบริเวณจุดเสี่ยง (Black Spot) เช่น จุดกลับรถ ทางแยก ทางข้าม ทางโค้ง/ทางลาดชัน พื้นที่ก่อสร้าง (Work Zone) และบริเวณที่เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการเดินทาง อาทิ ไฟฟ้าแสงสว่าง ป้ายเตือน และติดตั้ง/ซ่อมแซมอุปกรณ์ด้านความปลอดภัยให้สามารถใช้งานได้อย่างปลอดภัยตลอดเวลา รวมทั้งการตั้งจุดตรวจ (Check Point) และประชาสัมพันธ์ เพื่อป้องปรามพฤติกรรมเสี่ยงในการขับขี่รถจักรยานยนต์โดยเฉพาะการสวมหมวกนิรภัย ดื่มไม่ขับ ไม่ขับรถเร็วเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดเพื่อลดอุบัติเหตุทางถนน
พร้อมกันนี้ยังได้เตรียมมาตรการซอฟต์พาวเวอร์ด้านความปลอดภัยในการเดินทาง โดยมอบหมายให้หน่วยงานในสังกัดดำเนินการรณรงค์ประชาสัมพันธ์เรื่องความปลอดภัยในการเดินทาง และเผยแพร่ในช่องทางต่าง ๆ หรือการนำซอฟต์พาวเวอร์ที่น่าสนใจมาปรับใช้ รวมทั้งสื่อสังคมออนไลน์เพื่อสร้างความตระหนักรู้และเฝ้าระวังถึงความปลอดภัยในการเดินทางช่วงเทศกาลสงกรานต์ ทั้งนี้จะมีการประชุมอีกครั้งช่วงปลายเดือน มี.ค.67 เพื่อสรุปแผนงานทั้งหมดให้ชัดเจนอีกครั้งให้ชัดเจน
ด้านนางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า กระทรวงคมนาคมต้องการให้ทุกหน่วยงานถอดบทเรียนเดิมเพื่อนำมาใช้ให้มีประสิทธิภาพเชิงบวกสูงสุด พร้อมให้ทางทาง สนข.เสนอเส้นสายรองเพื่อเป็นทางเลือกรองรับการเดินทางของประชาชนในช่วงเทศกาลนอกเหนือจากการเสนอเพียงเส้นทางสายหลัก เพื่อระบายการจราจรของเส้นทางหลัก รวมถึงการตั้งด่านตรวจขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในช่วงเทศกาลบางจุดอาจเป็นจุดเสี่ยงที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ เพื่อเป็นการป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ โดยขอให้พิจารณากำหนดจุดตั้งด่านในบริเวณที่มีความเหมาะสมและปลอดภัย และให้กระจายบุคลากรตามจุดอย่างเหมาะสมต่อไป