ขบ. ครบรอบ 83 ปี มุ่งมั่นดำเนินงานเชิงรุกตามนโยบาย คมนาคม

ผู้ชมทั้งหมด 378 

ขบครบรอบ 83 ปี มุ่งมั่นดำเนินงานเชิงรุกตามนโยบาย “คมนาคม เพื่อความอุดมสุขของประชาชน

เมื่อวันที่ 9 . อาคารศูนย์นวัตกรรมและเทคโนโลยีการขนส่งทางถนน กรมการขนส่งทางบก(ขบ.) นายสุรพงษ์ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม  ได้ร่วมแสดงความยินดีและมอบนโยบาย เนื่องในวันคล้ายวันสถาปนากรมการขนส่งทางบก 83 ปี ที่เน้นมุ่งมั่นดำเนินงานเชิงรุกตามนโยบาย “คมนาคม เพื่อความอุดมสุขของประชาชน” โดยมีนายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีขบคณะผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ขบให้การต้อนรับ

นายจิรุตม์ กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 83 ปีที่ผ่านมา ขบ.ได้ดำเนินการขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลและกระทรวงคมนาคมมาอย่างต่อเนื่อง ในการกำกับ ดูแล และพัฒนาระบบขนส่งทางถนนให้ได้มาตรฐาน มีคุณภาพ และปลอดภัยสนับสนุนการขนส่งและระบบโลจิสติกส์ทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ สร้างนวัตกรรมและนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อการยกระดับการขนส่งสาธารณะ การให้บริการและอำนวยความสะดวกประชาชนได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชนและการพัฒนาประเทศได้อย่างเป็นรูปธรรม

ปัจจุบันขบ.ได้ดำเนินงานเชิงรุกตามกรอบนโยบายของกระทรวงคมนาคม “คมนาคม เพื่อความอุดมสุขของประชาชน” ครอบคลุมทุกมิติ ตลอดจนให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการขนส่งเพื่อให้เชื่อมโยงการเดินทางทุกรูปแบบ มีการปฏิรูปเส้นทางรถโดยสารประจำทางในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล เพื่อเชื่อมต่อการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะ(Feeder) ระหว่างการขนส่งทางถนน ทางราง และเรือให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น 

โดยกรมฯ ได้ออกใบอนุญาตประกอบการขนส่งเส้นทางปฏิรูปฯ แล้ว จำนวน 237 เส้นทาง ซึ่งองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ(ขสมก.) อยู่ระหว่างการเปลี่ยนผ่านการเดินรถไปสู่เส้นทางปฏิรูปฯ เพื่อให้ครอบคลุมโครงข่าย ได้ผลักดันให้ผู้ประกอบการขนส่งนำรถโดยสาร EV มาให้บริการประชาชนแล้ว จำนวน 2,240 คัน  ดำเนินการตามแผนพัฒนาสถานีขนส่งสินค้า (Truck Terminal) เป็นโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งทางถนน ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ประกอบการขนส่ง รองรับและสนับสนุนการเปลี่ยนรูปแบบการขนส่ง (Modal Shift) นำไปสู่การลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์ 

โดยมีโครงการนำร่อง ได้แก่ โครงการศูนย์การขนส่งชายแดนจังหวัดนครพนม และโครงการศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้าเชียงของ จังหวัดเชียงราย ซึ่งมีแผนเปิดให้บริการทั้งสองโครงการในปี 2568 โดยเปิดโอกาสให้เอกชนเข้ามามีส่วนร่วมบริหารจัดการโครงการในรูปแบบ PPP ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการ 

นอกจากนี้ ยังได้พัฒนาระบบงานใบอนุญาตประกอบการขนส่งอิเล็กทรอนิกส์ (DLT E-Transport License: DLT ETL) เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบการในการยื่นขอและต่ออายุใบอนุญาตประกอบการขนส่งสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ รวมถึงอยู่ระหว่างดำเนินการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศบริหารจัดการขนส่งสินค้าทางถนน(Transport Management System: DLT-TMS) เพื่อเป็นเครื่องมือในการสนับสนุนการบริหารการขนส่งสินค้าที่มีประสิทธิภาพ ปลอดภัยและได้มาตรฐาน อันจะช่วยยกระดับอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ของประเทศไทย ยกระดับด้านความปลอดภัยด้านวิศวกรรมยานยนต์ ปรับปรุงกฎระเบียบต่างๆ ให้เป็นสากล ได้แก่ มาตรฐานระบบห้ามล้อของรถยนต์ การกำหนดให้รถบรรทุกต้องติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันการชนด้านข้างและด้านท้าย สำนักงานขนส่งจังหวัดทั่วประเทศดำเนินมาตรการตั้งจุดตรวจ Check คน Check รถ Checking Point เพื่อตรวจสอบความพร้อมในการปฏิบัติงานของพนักงานขับรถและตรวจสภาพรถโดยสารให้อยู่ในมาตรฐานความปลอดภัยตลอดการเดินทางอย่างเคร่งครัด

ส่งเสริมให้ประชาชนหันมาให้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV : Electric Vehicle) ผ่านมาตรการลดภาษีประจำปี สำหรับรถที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าที่เป็นรถใหม่สำเร็จรูปจากโรงงาน ยังได้พัฒนาเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาให้บริการประชาชน อาทิ การชำระภาษีรถออนไลน์ผ่านทางเว็บไซต์ https://eservice.dlt.go.th/  ผ่านแอปพลิเคชัน DLT Vehicle Tax Plus ตู้ชำระภาษีอัตโนมัติ Kiosk การบริการด้านใบอนุญาตขับรถและผู้ประจำรถ มีการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนที่ต้องการต่อใบอนุญาตขับรถ สามารถเลือกอบรม e-Learning ทางเว็บไซต์ www.dlt-elearning.com ได้ด้วยตนเองจากสถานที่ใดก็ได้ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนในการเดินทางมาติดต่อที่สำนักงานอีกด้วย