ผู้ชมทั้งหมด 1,936
“สำหรับตัวผมสิ่งแรกเมื่อได้รับการมอบหมายงานใดๆ มา ไม่ว่าจะคุ้นเคยอยู่ใน comfort zone หรือ ไม่คุ้นเคย อยู่นอก comfort zone ก็ตาม สิ่งแรกที่จะทำ คือ มองว่าเราจะต้องปรับตัวและเรียนรู้อะไรเพิ่มเติม ให้เข้าไปกับ assignment นั้นๆ ได้อย่างไร เพื่อที่จะทำงานให้ออกมาได้ดีที่สุด ผมเชื่อว่าถ้าเราพยายามอย่างดีที่สุด สิ่งที่เหลือ (ความสำเร็จ) จะตามมาเอง”
คุณเจษฎา ชั้นเชิงกิจ Thailand and Greater Mekong Fuels Manager บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงการได้รับมอบหมายภารกิจใหม่ ที่จะต้องดูแลภาพรวมธุรกิจน้ำมันเชื้อเพลิงทั้งหมดในประเทศไทยและลุ่มแม่น้ำโขง จากภาระหน้าที่เดิมที่เคยดูแลด้านฝ่ายขายปลีกในฐานะกรรมการและผู้จัดการฝ่ายการตลาดขายปลีก บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) คุณเจษฎาถือว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เป็นความท้าทายใหม่อีกครั้ง เมื่อได้รับการสนับสนุนจากองค์กรให้ก้าวขึ้นมาดูแลกลุ่มธุรกิจน้ำมันเชื้อเพลิงทั้งในประเทศไทยและกลุ่มประเทศลุ่มแม่น้ำโขง ซึ่งได้แก่ลาว กัมพูชา และจีนตอนใต้ เช่น ยูนนาน
รวมไปถึงส่วนหนึ่งของพม่าที่ติดชายแดนไทยซึ่งมีการค้าขายน้ำมันเชื้อเพลิงข้ามแดน แม้มีหลายสิ่งที่ต้องเรียนรู้เพิ่มเติม เช่น กระบวนการจัดการน้ำมันดิบและกระบวนการวางแผนการผลิตต่างๆ ของโรงกลั่นน้ำมัน แต่คุณเจษฎายืนยันว่าสามารถปรับตัวได้ และนำข้อได้เปรียบที่มี คือ ความรู้ความสามารถและประสบการณ์ด้านการตลาดและฝ่ายขาย การวิเคราะห์และวางแผนเชิงกลยุทธ ที่มีค่อนข้างเยอะจากการได้คลุกคลีทำงานในหลายๆ ส่วน มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการขับเคลื่อนภารกิจในหน้าที่ใหม่ เพื่อบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจ สร้างผลประกอบการที่สูงขึ้นได้จากพื้นฐานความรู้ด้านวิศวกรเครื่องกล พ่วงดีกรี MBA คุณเจษฎาเล่าว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาได้รับโอกาสที่แปลกใหม่และท้าทาย จากองค์กรในหลายๆ ครั้ง ตั้งแต่ได้รับ มอบหมายหน้าที่ ให้เป็นเจ้าหน้าที่วิเคราะห์ประจำอยู่ที่ฮ่องกง จนได้มีโอกาสโยกย้ายไปอยู่ฝ่ายราคาที่ประเทศสิงคโปร์ กระทั่งได้ขยับไปทำงานด้านการตลาด และ วางแผนด้านกลยุทธของธุรกิจน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งสิ่งเหล่านั้นถือเป็นการเปิดประสบการณ์ที่ดีเยี่ยม ทำให้ได้เรียนรู้ธุรกิจมากขึ้น
“นับเป็นการเปิดโลกทัศน์ของเรา ที่ทำให้ได้เรียนรู้ธุรกิจทั้งระบบ ไม่เพียงแค่ในประเทศไทย แต่ในภูมิภาคเอเซียแปซิฟิคด้วย เป็นเรื่องที่ท้าทาย เป็นสิ่งที่สนุก และตื่นเต้นในการทำงาน”คุณเจษฎาบอกเล่าประสบการณ์
สำหรับภารกิจขอบเขตการทำงานที่จะต้องดูแลกลุ่มธุรกิจน้ำมันเชื้อเพลิงทั้งหมดในประเทศไทยและลุ่มแม่น้ำโขงนั้น โดยครอบคลุมภาพรวม ทั้ง Profit and Loss (กำไรขาดทุน) รวมถึงกำกับดูแลด้านกลยุทธของธุรกิจ ทั้งในประเทศไทยและกลุ่มประเทศลุ่มแม่น้ำโขง ซึ่งที่ผ่านมา เป็นที่ทราบว่าตลาดน้ำมันเชื้อเพลิง ทั้งน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูป มีความผันผวนอย่างมาก ในขณะที่มีความกดดันจากความเข้าใจของสังคมในเรื่องราคาและกำไร ทั้งที่ในความเป็นจริง ธุรกิจของเราต้องเผชิญกับความเสี่ยงขาดทุนจากความผันผวนของราคาน้ำมันในตลาดโลก เพราะฉะนั้น โจทย์คือจะทำอย่างไรให้บริษัทสามารถดำเนินการและทำกำไรในจุดที่เหมาะสมในแต่ละช่วงสถานการณ์จากทั้งปัจจัยภายนอกและภายใน จึงเป็นความท้าทายของทุกคนในกลุ่มธุรกิจน้ำมันเชื้อเพลิง
“อย่างไรก็ตาม ทีมเรามีจุดแข็ง คือ “Collaboration and Creativities” ความร่วมมือกัน และมีความคิดสร้างสรรค์ที่จะพัฒนาธุรกิจให้ก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง”
ในฐานะที่ได้รับโอกาสจากองค์กรให้ได้เรียนรู้และมีโอกาสทำงานที่หลากหลาย คุณเจษฎาทิ้งท้ายคำแนะนำที่น่าขบคิดไว้ให้น้องๆ พนักงานรุ่นใหม่ ว่า เมื่อได้รับมอบหมายงานใดๆ สิ่งแรกที่ต้องทำคือการปรับตัวเพื่อความพร้อมกับงานนั้นๆ และพยายามทำอย่างดีที่สุด อยากให้มีความคิดว่า ไม่ว่างานอะไรที่จะไปทำ พยายามทำให้ดีที่สุดก่อน และพยายามหาจุดที่เหมาะสมด้วย สร้าง work life balance ในเวลาเดียวกัน
“นอกเหนือจากนั้น เราต้องหาเวลาในการมองกลับไป เพื่อพัฒนางานนั้นให้ดีขึ้น ผมมักจะบอกกับทีมเสมอว่า ถ้าเราทำอะไรแบบเดิมๆ ผลลัพธ์ก็จะคล้ายๆเดิม แต่ว่าถ้าเราสามารถแบ่งเวลางานส่วนนึงออกมาคิดว่าเราจะปรับปรุงสิ่งที่เราทำอยู่ทุกวันให้ดีขึ้นได้อย่างไรบ้าง มันจะทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าได้ ผมว่าตรงนั้นเป็นจุดสำคัญที่จะสร้างความแตกต่างระหว่างคนทำงานที่จะมีความก้าวหน้าและประสบความสำเร็จ จึงเป็นสิ่งที่อยากจะฝากให้ทุกคนลองคิดและนำไปปรับใช้นะครับ”