ผู้ชมทั้งหมด 41
การบินไทย มั่นใจปี 68 รายได้โตกว่าปี 67 คาด Cabin Factor 85% ผู้โดยสาร 16.5 ล้านคน ลุยลงทุน MRO ครึ่งปีหลัง ลั่นเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ มิ.ย. 68
นายชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI กล่าวว่า แนวโน้มผลประกอบการในปี 2568 คาดว่ารายได้จะเติบโตดีกว่าปี 2567 ที่มีรายได้รวม 187,989 ล้านบาท และรักษาระดับEBITDA ใกล้เคียงกับปี 2567 ที่ 41,839 ล้านบาท โดยปัจจัยหลักที่สนับสนุนการเติบโตของรายได้เนื่องจากบริษัทฯ เตรียมบินเข้ามาเพิ่ม 9 ลำในช่วงไตรมาส 2/2568 จะส่งให้บริษัทมีกำลังผลิตใหม่ (New Production) เพิ่มขึ้น 2% โดยแครื่องบินใหม่ ได้แก่ แอร์บัส A330 จำนวน 7 ลำ แอร์บัส A321 จำนวน 1 ลำ และ แอร์บัสA330-300 จำนวน 1 ลำ ซึ่งส่งผลให้สิ้นปี 2568 การบินไทยจะมีฝูงบิน 87 ลำ เพิ่มขึ้นจากปี 2567 ที่มีเครื่องบิน 79 ลำ นอกจากนี้ บริษัทเตรียมขายเครื่องบินเก่า ได้แก่ เครื่องบินโบอิ้ง 777-300 จำนวน 6 ลำ และ โบอิ้ง 777-200 ER ที่จะปลดระวางอีก3 ลำ
สำหรับเครื่องบินใหม่ใช้รองรับการเพิ่มเที่ยวบินในเส้นทางบินไปยังมิวนิก จาก 11 เที่ยวบินต่อสัปดาห์เป็น 14 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ และรองรับการขยายเส้นทางบินและเพิ่มเที่ยวบินไปยังประเทศอินเดีย ซึ่งอินเดียมีจุดบิน 10 เมือง และเตรียมเพิ่มเที่ยวบินมุมไบจาก 11 เที่ยวบินต่อสัปดาห์เป็น 14 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ นอกจากนี้ยังขยายตลาดปากีสถาน ชดเชยตลาดจีนที่มีสัดส่วนรายได้ลดลง โดยจุดบินในจีนปัจจุบันเหลือ 5 เมือง 35 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ จากเดิม 8 เมือง 70 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ทำให้รายได้จากเส้นทางจีนมีสัดส่วนลดลงเหลือ 3% โดยตลาดยุโรปนั้นมีสัดส่วนรายได้มากที่สุดราว 32%
สำหรับผลกระทบที่มีต่ออุตสาหกรรมการบินในปีนี้ยังคงมีปัญหาเรื่องซัพพลาย โดยอุตสาหกรรมการบินยังมีเครื่องบินใหม่เข้ามาจำกัด ซึ่งคาดว่าจะกระทบไปจนถึงปี 2570 ส่วนอีกปัจจัยจะกระทบกับธุรกิจการบิน คือ เรื่องราคาน้ำมันและอัตราแลกเปลี่ยน แต่การบินไทยโดยคณะผู้บริหารแผนให้เพิ่มการทำประกันความเสี่ยงราคาน้ำมัน และอัตราแลกเปลี่ยนไว้แล้ว
นายชาย กล่าวถึงการลงทุนโครงการศูนย์ซ่อมอากาศยาน (MRO) ที่สนามบินอู่ตะเภา ว่า โครงการ MRO คาดว่ามีมูลค่าโครงการราว 10,000 ล้านบาท โดยการบินไทยเตรียมเซ็น MOU กับ บริษัท กรุงเทพการบิน จำกัด (มหาชน) หรือ BA เพื่อร่วมศึกษาและร่วมลงทุนโครงการ MRO ส่วนสัดส่วนการถือหุ้นต้องรอสรุปหลังจากการลงนาม MOU ถึงจะมีความชัดเจน
ส่วนความคืบหน้าการดำเนินการตามแผนฟื้นฟูกิจการ จะมีการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 18 เมษายน 2568 เพื่อพิจารณากำหนดจำนวนกรรมการบริษัท 11-12 คนหลังจากนั้นจะจดทะเบียนการเปลี่ยนแปลงจำนวนกรรมการ และการแต่งตั้งกรรมการใหม่ ก่อนที่จะยื่นคำร้องต่อศาลล้มละลายกลาง เพื่อขอยกเลิกการฟื้นฟูกิจการในเดือนเมษายน 2568 และคาดว่าศาลจะมีคำสั่งให้ออกจากแผนฟื้นฟูภายในเดือนพฤษภาคม 2568 แล้วดำเนินการกลับเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในเดือนมิถุนายน 2568