กลุ่ม ปตท.ขนนวัตกรรมและเทคโนโยลีพลังงาน โชว์ในงาน FTI Expo 2022

ผู้ชมทั้งหมด 927 

ปัจจุบันประเทศไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจอย่างมากมาย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย

(ส.อ.ท.) พร้อมเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้อุตสาหกรรมไทยเพื่อประเทศไทยที่เข้มแข็งกว่าเดิม (Strengthen Thai Industries for Stronger Thailand) โดยร่วมกับพันธมิตรองค์กรชั้นนำจัดงาน FTI Expo 2022 ภายใต้แนวคิด ‘Shaping Future Industries for Stronger Thailand’ ระหว่าง 29 มิ.ย.-3 ก.ค. 2565 ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติฯจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งถือเป็นงานระดับประเทศที่ภาคธุรกิจจากหลากหลายสาขาได้มาร่วมแสดงสินค้าและนำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆ และเป็นโอกาสดีที่จะได้กำหนดฉากทัศน์ใหม่ของอุตสาหกรรมไทยสู่อนาคตเพื่อประเทศไทยที่แข็งแกร่งกว่าเดิมและยังเป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ด้วยการจัดการประชุมสัมมนาแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีอุตสาหกรรม 

กลุ่มบริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน) หรือ PTT ยักษ์ใหญ่ด้านอุตสาหกรรมพลังงานของไทย ได้นำสุดยอดนวัตกรรมมาอวดโฉมในงาน FTI Expo 2022 จะมุ่งเน้นเรื่องของพลังงานแห่งอนาคต Future Energy ที่เป็นการสนับสนุนนโยบายภาครัฐให้บรรลุเป้าหมายสังคมคาร์บอนต่ำ การสร้างระบบนิเวศน์และสังคมที่ดีขึ้น เช่น เรื่องของธุรกิจใหม่ จะเน้นการลงทุนพลังงานทดแทน การลงทุนยานยนต์ไฟฟ้า(อีวี) ธุรกิจแบตเตอรี่ ที่เป็นการสร้างการเติบโตในธุรกิจสีเขียว

อรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน) หรือ PTT ได้ร่วมกล่าวบรรยายในงาน FTI Expo 2022 เมื่อวันที่ 30 มิ.ย.2565 โดยบางช่วงระบุว่า ปตท.ให้ความสำคัญกับการยกระดับการพัฒนาธุรกิจตามกรอบวิสัยทัศน์  “Powering Life with Future Energy and Beyond ขับเคลื่อนทุกชีวิต ด้วยพลังแห่งอนาคต” ที่มุ่งสู่ธุรกิจพลังงานอนาคต และการเติบโตในธุรกิจใหม่ที่ไกลกว่าพลังงาน เพื่อสร้างสรรค์พลังงานที่มุ่งเน้นพลังงานสะอาด และการสร้างธุรกิจใหม่ที่สร้างคุณค่าและสนับสนุนการขับเคลื่อน ให้ประเทศเติบโตอย่างยั่งยืน

โดยเน้นให้มีการปรับตัวมุ่งสู่การบริหารจัดการอย่างยั่งยืนครอบคลุม 3 ด้าน ประกอบด้วย 1.ผลการดำเนินงานเราต้องเป็นเลิศ ผ่านการปรับวิสัยทัศน์เป็น Powering Life with Future Energy and Beyond มุ่งสู่ธุรกิจพลังงานหมุนเวียน ไฟฟ้าและยานยนต์ไฟฟ้าครบวงจร รวมถึงรุกธุรกิจใหม่ เช่น ธุรกิจยาและสุขภาพ 2. โลกเราต้องรักษ์ ด้วยการผลักดันการดำเนินงานของกลุ่ม ปตท. ให้บรรลุเป้าหมาย Carbon Neutrality และ Net Zero Emissions โดยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของกลุ่ม ปตท. และตั้งเป้าที่จะปลูกป่าบกและป่าชายเลนให้ได้ทั้งสิ้น 3.1 ล้านไร่ ภายในปี 2030 และ 3. สังคมไทยเราต้องอุ้มชูด้วยการช่วยเหลือประชาชนในทุกมิติ อาทิ ลดค่าใช้จ่ายก๊าซหุงต้มและขยายเวลาตรึงราคา NGV ช่วยเหลือผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 โดยสนับสนุนอุปกรณ์ทางการแพทย์ จัดตั้งหน่วยตรวจรักษาครบวงจร ตลอดจนสนับสนุนทุนการศึกษาสำหรับนักเรียนที่เสี่ยงหลุดออกจากระบบการศึกษา เพื่อช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้พลิกฟื้น พร้อมดูแล

ปตท. ยังได้จัดตั้งคณะทำงานการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ กลุ่ม ปตท. (PTT Group Net Zero Task Force หรือ G-NET) เพื่อวางเป้าหมายบรรลุ Net Zero ของ ปตท. และร่วมขับเคลื่อนสู่สังคมคาร์บอนต่ำ เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของภาครัฐ ให้บรรลุเป้าหมาย การชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์ (Carbon Neutrality) ภายในปีค.ศ. 2065 – 2070 หรือปี พ.ศ. 2608-2613 เพื่อร่วมมือกันลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ คาดว่าคณะทำงานฯ ของกลุ่ม ปตท.จะประกาศเป้าหมาย และงบประมาณที่ใช้ดำเนินการได้อย่างชัดเจนในเร็วๆนี้ ซึ่งจะดำเนินการให้เกิดขึ้นเร็วกว่าเป้าหมายของประเทศ 

สำหรับภายในงาน กลุ่ม ปตท. จัดแสดงผลสำเร็จด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่มีส่วนช่วยในการขับเคลื่อนโมเดลเศรษฐกิจBCG ภายใต้แนวคิด Journey to the Green Future and Beyond ซึ่งผู้สนใจสามารถเข้าชมได้ที่บูธ P-04 และโซนท่าแพโดยผลิตภัณฑ์ที่นำมาอวดโฉม ได้แก่ 

Strawberry Harumiki 

ผลิตภัณฑ์ผลไม้เมืองหนาวจากการเพาะปลูกในโรงเรือนอัจฉริยะ ซึ่งต่อยอดจากการใช้องค์ความรู้ทางวิศวกรรมของหน่วยธุรกิจก๊าซธรรมชาติ ปตท.ที่นำพลังงานความเย็นจากการแปรสภาพก๊าซธรรมชาติเหลว(LNG) มาประยุกต์ใช้ในการควบคุมสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการเพาะปลูก โดยเน้นการนำสายพันธุ์สตรอว์เบอร์รี่ที่ดีที่สุดจากประเทศญี่ปุ่น อาทิ Akihime มาเพาะปลูกเพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้ที่ชื่นชอบรับประทานผลไม้คุณภาพสูงจากองค์ความรู้ของคนไทย

การต่อยอดพัฒนาผลิตภัณฑ์ ‘Coffee Chalf’ 

ซึ่งเป็นของเสียจากกระบวนการคั่วกาแฟและวัสดุเหลือใช้อื่นๆ จากภาคธุรกิจ ภาคอุตสาหกรรม และภาคเกษตรกรรม มารังสรรค์ใหม่ในรูปวัสดุยั่งยืน( Sustainable materials)

นวัตกรรมอุปกรณ์ตรวจวัดค่าฝุ่น PM2.5 

ผลิตโดยสถาบันนวัตกรรม ปตท. เพื่อตรวจวัดคุณภาพอากาศและส่งผลแจ้งเตือนแบบ real-time

นวัตกรรมวัสดุปิดแผลไฮโดรเจลไบโอเซลล์โลส

มีองค์ประกอบหลักเป็นน้ำบริสุทธิ์และเส้นใยนาโนเซลลูโลสให้ความชุมชื้นกับผิวหนัง สร้างสภาวะที่เหมาะสมในการรักษาบาดแผลของร่างกายกระต้นการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ ส่งผลให้ระยะเวลาในการรักษาแผลนั้นสั้นลงและช่วยบรรเทาความรู้สึกเจ็บแผลในขณะที่ใช้งาน

เมืองอัจฉริยะวังจันทร์วัลเลย์ 

ตั้งอยู่ ณ ต.ป่ายุบใน อ. วังจันทร์ จ.ระยอง ต้นแบบพื้นที่นวัตกรรมสมบูรณ์แบบภายใต้แนวคิด Smart Natural Innovation Platform

Swap & Go 

ผู้ให้บริการสลับแบตเตอรี่มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าแบบไม่ต้องรอชาร์จต้นแบบนวัตกรรมพลังงานแห่งอนาคต รองรับการขยายตัวของผู้ใช้ยานยนต์ไฟฟ้า “สลับแบตไว ไปได้เร็ว” เพียงใช้งานผ่านแอปพลิเคชันและสลับแบเตอรี่ด้วยตัวเองใช้เวลาไม่ถึง 3 นาที

EVme 

ผู้ให้บริการดิจิทัลแพลตฟอร์มด้านยานยนต์ไฟฟ้า “จอง รับ ขับเลย” แอปเดียวจบ ครบทุกเรื่อง  EV พร้อมสนับสนุนให้คนไทยใช้พลังงานสะอาดผ่านยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำ

On-ion 

ผู้ให้บริการสถานีอัดประจุยานยนต์ไฟฟ้า บนทำเลศักยภาพ อาทิ  ห้างสรรพสินค้า ศูนย์ประชุม อาคารสำนักงาน พร้อมบริการติดตั้ง  PTT EV Charger ในที่พักอาศัย สามารถจองและควบคุมการใช้งานผ่าน on-ion Mobile Application ทั้งในระบบ android และ iOS  สะดวกในการค้นหาสถานี ‘จอง จอด จ่าย ง่ายๆ แค่ปลายนิ้ว’

G-BOX 

สำหรับที่พักอาศัย ช่วยกักเก็บพลังงานแสงอาทิตย์ที่ถูกแปลงเป็นไฟฟ้า ลดความต้องการกำลังไฟฟ้าสูงสุด เปลี่ยนหรือจัดการการใช้พลังงานไฟฟ้าในเวลาที่เหมาะสม ใช้สำหรับสำรองพลังงาน 

G-BOX 

สำหรับสถานีชาร์จพลังงานไฟฟ้า (EV) ทำหน้าที่หน่วยเสถียรภาพพลังงานสำหรับสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า แบบเร่งด่วน ลดความต้องการกำลังไฟฟ้าสูงสุด เปลี่ยนหรือจัดการการใช้พลังงานไฟฟ้าในเวลาที่เหมะสม

แบตเตอรี่ชนิดลเเทียมไอออนประสิทธิภาพสูง 

สำหรับยานยนต์ไฟฟ้าพัฒนาโดยสถาบันวิทยสิริเมธี (VISTEC) สามารถใช้งานได้ยาวนานมากขึ้นต่อการประจุไฟฟ้าหนึ่งครั้ง และมีจุดเด่นด้านความ ปลอดภัยตามมาตรฐานระดับสากล 

ทั้งนี้ งาน FTI Expo 2022  นับเป็นการผนึกกำลังครั้งสำคัญของภาคอุตสาหกรรมไทยและองค์กรชั้นนำทั้งภาครัฐ ภาคเอกชนและภาคการศึกษา ทั้งด้านเทคโนโลยี อุตสาหกรรม การค้าและการท่องเที่ยว เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนประเทศหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 คลี่คลาย ซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากทุกภาคส่วน มีผู้สนใจมาร่วมออกบูธนิทรรศการแสดงผลงานกว่า 340 บูธ เพื่อแสดงศักยภาพ นวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตในยุคปกติใหม่ (New Normal) 

รวมถึงการสร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนทั่วโลกเพื่อส่งเสริมการค้าและการลงทุนของภาคธุรกิจโดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อแสดงศักยภาพและยกระดับความก้าวหน้าของภาคอุตสาหกรรมเป้าหมายในระดับประเทศภายใต้แนวคิด BCG Economy Model ซึ่งจะเป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจต่อไปในอนาคต  รวมทั้งเพื่อสร้างโอกาสในการขยายช่องทางการตลาดของผลิตภัณฑ์ไทย การค้าการลงทุนให้เชื่อมโยงสู่ระดับสากลอย่างมีประสิทธิภาพควบคู่ไปกับการช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจในภูมิภาคเพื่อให้เกิดเงินทุนหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจและสร้างความเชื่อมั่นให้ทุกภาคส่วนของประเทศให้สามารถกลับมาดำเนินธุรกิจต่อไปได้แบบ Next Normal โดยคาดว่าจะสร้างโอกาสทางการค้าและเกิดเงินทุนหมุนเวียนภายในงานไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาท