กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ผนึก APEC จัดประชุมนานาชาติ หนุนใช้ CCUS ลดโลกร้อน

ผู้ชมทั้งหมด 131 

กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ร่วมกับ APEC จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการนานาชาติภายใต้โครงการ “Capacity Building Role on CCUS Development in APEC Economies for Sustainable Development Goal” มุ่งส่งเสริมสนับสนุนเทคโนโลยี CCUS ลดภาวะโลกร้อน

กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ โดยการสนับสนุนจาก APEC (Asia – Pacific Economic Cooperation) เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเชิงปฏิบัติการนานาชาติ ภายใต้โครงการ “Capacity Building Role on CCUS Development in APEC Economies for Sustainable Development Goal” ระหว่างวันที่ 25 – 26 มีนาคม 2568 ณ โรงแรม Pullman King Power กรุงเทพฯ เพื่อพัฒนาขีดความสามารถด้านองค์ความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีการดักจับการใช้ประโยชน์และการกักเก็บคาร์บอน (Carbon Capture, Utilization, and Storage: CCUS) ซึ่งมีผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีดังกล่าวทั้งภาครัฐ และเอกชนรวมถึงสถาบันการศึกษาจากหลายประเทศเข้าร่วมงานกว่า 100 คน

นายวรากร พรหโมบล อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ เปิดเผยว่า เนื่องจากปัญหาสภาวะโลกร้อน  ที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ จำเป็นต้องได้รับการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม  ซึ่งประเทศไทย ได้ประกาศเป้าหมายไว้ในการประชุมสมัชชาประเทศภายใต้กรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ(United Nations Framework Convention on Climate Change: UNFCCC) ครั้งที่ 26 หรือ COP26 ว่า ประเทศไทยจะเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในปี พ.ศ. 2593 (ค.ศ. 2050) และปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี พ.ศ.2608 ( ค.ศ. 2065) 

กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ได้คำนึงถึงความสำคัญและพร้อมสนับสนุนเป้าหมายและเจตนารมณ์ดังกล่าวในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศ รวมถึงการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนและเพิ่มศักยภาพ ในการแข่งขันทางการค้าในอนาคต เพื่อมุ่งสู่เศรษฐกิจและสังคมคาร์บอนต่ำ โดยการพัฒนาเทคโนโลยีการดักจับการใช้ประโยชน์และการกักเก็บคาร์บอน (Carbon Capture, Utilization, and Storage: CCUS) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ที่มีประสิทธิภาพ

กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติซึ่งเป็นหน่วยงานภาครัฐที่นอกจากจะมีภารกิจหลักในการส่งเสริม สนับสนุน และเร่งรัดการจัดหาพลังงานโดยการส่งเสริมและเร่งรัดการสำรวจและพัฒนาแหล่งเชื้อเพลิงธรรมชาติ เพื่อให้ประเทศมีพลังงานเพียงพอต่อความต้องการใช้แล้วกรมยังให้ความสำคัญกับการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมควบคู่กันไปเช่นกัน โดยปัจจุบันกรมได้ศึกษา หาแนวทางในการพัฒนาเทคโนโลยีการดักจับ ใช้ประโยชน์ และกักเก็บคาร์บอน (Carbon Capture, Utilization, and Storage: CCUS) ทั้งด้านการพัฒนาบุคลากรเพื่อรองรับการดำเนินงาน การประสานความร่วมมือ ทั้งภาครัฐ เอกชนและสถานศึกษาทั้งภายในและภายนอกประเทศเพื่อสร้างเครือข่ายความร่วมมือในการศึกษา วิจัย และพัฒนาการดำเนินงานเกี่ยวกับเทคโนโลยีดังกล่าว รวมทั้งการศึกษาความเป็นไปได้และแนวทาง ด้านต่าง ๆ ในการส่งเสริมและพัฒนางานด้าน CCUS ในประเทศไทย เช่น ด้านนโยบาย กฎหมาย หรือแนวทางการสร้างแรงจูงใจให้แก่ผู้ประกอบการในการควบคุมปริมาณการปล่อยคาร์บอนจาก การสำรวจและผลิตปิโตรเลียมให้ได้ตามมาตรฐานสากล 

ขณะนี้ได้มีโครงการนำร่องการใช้เทคโนโลยีดังกล่าว ที่แหล่งก๊าซธรรมชาติอาทิตย์ในทะเลอ่าวไทย โดยคาดว่าจะสามารถอัดกลับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ได้จากการผลิตปิโตรเลียมภายในแหล่งได้ที่ประมาณ 1 ล้านตันต่อปี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2571 เป็นต้นไป 

นอกจากนี้ กรมฯ อยู่ระหว่างการศึกษาศักยภาพการกักเก็บคาร์บอนบริเวณพื้นที่อ่าวไทยตอนบน ภายใต้ความร่วมมือด้านพลังงานระหว่างประเทศไทย-ญี่ปุ่น เพื่อหาและพิสูจน์พื้นที่ที่มีศักยภาพในการกักเก็บคาร์บอน ซึ่งถ้าหากสามารถยืนยันศักยภาพการกักเก็บได้ อาจสามารถรองรับการอัดกลับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ถูกปล่อยจากอุตสาหกรรม ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งเป็นโครงการสำคัญที่จะช่วยยกระดับการพัฒนาอุตสาหกรรม ของประเทศไทยให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและมีความยั่งยืนต่อไปโดยการประชุมเชิงปฏิบัติการในวันนี้ นับว่าจะมีส่วนช่วยให้ประเทศไทยสามารถสร้างเครือข่ายความร่วมมือด้านเทคโนโลยี CCUS ในภูมิภาค Asia Pacific และเป็นเวที ในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ความรู้ และประสบการณ์ กับผู้เชี่ยวชาญจากประเทศต่าง ๆ เกี่ยวกับเทคโนโลยี CCUS ในหลากหลายมุมมองทั้งด้านแนวนโยบาย กฎระเบียบ หรือปัญหาและแนวทางแก้ไขปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ รวมทั้ง เพื่อให้ประเทศไทยสามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลมาปรับใช้ให้การดำเนินงานด้าน CCUS เกิดประสิทธิภาพสูงสุด