กรมทางหลวง เร่งระบายรถพระราม2 เปิด 2 เส้นทางเลี่ยง

ผู้ชมทั้งหมด 121 

กรมทางหลวง เร่งระบายรถพระราม2 เปิด 2 เส้นทางเลี่ยง วิศวกรคุมเข้มทุกขั้นตอน เตรียมใช้เครนรื้อโครงสร้างเหล็ก

นายอภิรัฐ ไชยวงศ์น้อย อธิบดีกรมทางหลวง เปิดเผยว่า สภาพการจราจรบนถนนพระราม 2 ช่วงเช้าวันนี้ (07.00-10.00 น.) ชะลอตัวและมีรถหนาแน่น เนื่องจากปิดการจราจรในช่องทางหลักทั้งขาเข้าและขาออกกรุงเทพฯ บริเวณจุดเบี่ยงเข้าถนนเอกชัย โดยขาเข้ากรุงเทพฯ มีปริมาณรถปานกลาง การจราจรคล่องตัว ส่วนขาออกกรุงเทพฯ มีปริมาณรถมาก แต่ยังเคลื่อนตัวได้ดี เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จัดกำลังพลประจำจุดเบี่ยงออกคู่ขนาน เพื่ออำนวยความสะดวก เร่งระบายรถ และแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัด จึงขอให้ประชาชนเผื่อเวลาในการเดินทาง และประชาสัมพันธ์ให้ผู้ใช้รถใช้ถนนพระราม 2 ใช้เส้นทางเลี่ยง ดังนี้

ขาเข้ากรุงเทพฯ รถจากภาคใต้ใช้ถนนเพชรเกษม เข้ากรุงเทพฯ รถจากสมุทรสงคราม/บางโทรัดใช้ ทล.375 มุ่งหน้าอำเภอบ้านแพ้ว ไปออกนครปฐม ขึ้นถนนเพชรเกษม เข้าถนนบรมราชชนนี รถจากมหาชัย – สมุทรสาครใช้ถนนเศรษฐกิจ – ถนนพุทธสาคร – ถนนพุทธมณฑลสาย 4 – ถนนบรมราชชนนี

ขาออกกรุงเทพฯ รถจากกรุงเทพฯ ใช้ถนนบรมราชชนนี เข้าถนนเพชรเกษม มุ่งหน้าลงใต้ รถจากต่างระดับบางขุนเทียนใช้ถนนเลียบชายทะเลบางขุนเทียน เข้าตัวเมืองมหาชัย เข้าถนนพระราม 2 มุ่งหน้าลงใต้ หากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ สายด่วนกรมทางหลวง โทร. 1586

สำหรับความคืบหน้าการเคลียร์พื้นที่เจ้าหน้าที่ได้ทำการติดตั้งอุปกรณ์ตรวจวัดการเคลื่อนตัวของโครงสร้างตอม่อเสร็จเรียบร้อยแล้วเมื่อวานนี้และช่วงเช้าวันนี้ ทีมงานที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย กำลังประชุมวางแผนเพื่อหาข้อสรุปในการกำหนดจุดติดตั้งเครนเพื่อประคองโครงสร้างเหล็กและยกชิ้นส่วนพื้นสะพาน (segment) ที่ค้างอยู่ลงมา พร้อมทั้งอุปกรณ์และชุดอุปกรณ์ Safety เพื่อความปลอดภัยในการเริ่มทยอยยกชิ้นส่วนสะพานคอนกรีตที่ยังติดค้างอยู่ลงมาด้านล่าง โดยการดำเนินการทั้งหมดนี้จะอยู่ภายใต้การกำกับและควบคุมของทีมวิศวกรผู้เชี่ยวชาญตลอดเวลา

นอกจากนี้ตนยังได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน โดยศูนย์ความปลอดภัยในการทำงานเขต 7 ราชบุรี, สำนักงานประกันสังคมจังหวัดสมุทรสาคร และบริษัทต้นสังกัดของลูกจ้างที่เสียชีวิต เพื่อดำเนินการเยียวยาและให้ความช่วยเหลือแก่ทายาทของผู้เสียชีวิตและผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจำนวน 15 ราย  โดยจะเร่งรัดให้ได้รับสิทธิความคุ้มครองจากการประสบอันตรายเนื่องจากการทำงานโดยเร็วที่สุด