กฟผ.เปิดสถานีชาร์จรถEVบริการฟรีช่วงเม.ย.นี้

ผู้ชมทั้งหมด 1,329 

กฟผ. มอบความสุขรับปีใหม่ไทย ผู้ใช้รถ EV ชาร์จไฟฟรีที่สถานี EleX by EGAT ตลอดเดือน เม.ย.64 ทั้งภายในสถานีบริการน้ำมัน PT 5 แห่ง และภายในเขื่อน โรงไฟฟ้าและศูนย์การเรียนรู้ จำนวน 8 แห่ง

นายบุญญนิตย์ วงศ์รักมิตร ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle : EV) ของไทยมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านการผลิตและการใช้งาน พร้อมทั้งได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐในการสร้างความเข้มแข็งและส่งเสริมให้เกิดการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับยานยนต์ไฟฟ้าในอนาคต โดย กฟผ. มีความพร้อมที่จะเป็นผู้ช่วยและผู้เชื่อมโยงธุรกิจต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมนี้ เพื่อยกระระดับคุณภาพชีวิตการเดินทางของประชาชน ตลอดจนส่งเสริมพลังงานที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ในช่วงวันหยุดสงกรานต์นี้ สถานี EleX by EGAT ทุกแห่งของ กฟผ. พร้อมรองรับการเดินทางกลับภูมิลำเนาและการท่องเที่ยวของประชาชนโดยยานยนต์ไฟฟ้าแล้วทั่วประเทศ ทั้งสถานี EleX by EGAT ภายในสถานีบริการน้ำมัน PT จำนวน 5 แห่ง ได้แก่ สาขา PT ปากช่อง 3 จ.นครราชสีมา  สาขา PT พยุหะคีรี 2 จ.นครสวรรค์  สาขา PT เขาย้อย จ.เพชรบุรี  สาขา PT บ้านใต้ จ.กาญจนบุรี และสาขา PT บางพระ จ.ชลบุรี 

รวมถึงสถานี EleX by EGAT ภายในเขื่อน โรงไฟฟ้าและศูนย์การเรียนรู้ของ กฟผ. จำนวน 8 แห่งที่เปิดให้บริการโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายมาตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2562 ได้แก่ โรงไฟฟ้าแม่เมาะ จ.ลำปาง  โรงไฟฟ้าน้ำพอง จ.ขอนแก่น  โรงไฟฟ้าลำตะคอง จ.นครราชสีมา  โรงไฟฟ้าบางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา  โรงไฟฟ้าจะนะ จ.สงขลา โรงไฟฟ้าวังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา  เขื่อนสิรินธร จ.อุบลราชธานี และศูนย์การเรียนรู้ กฟผ. สำนักงานกลาง จ.นนทบุรี

ทั้งนี้ เพื่ออำนวยความสะดวกและรวดเร็ว ผู้ใช้ยานยนต์ไฟฟ้าสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน EleXA ไว้เพื่อช่วยให้การค้นหาสถานีชาร์จ การจองคิว การชาร์จ และจ่ายเงิน เป็นเรื่องที่ง่ายและสะดวกสบายยิ่งขึ้น โดยตลอดเดือนเมษายน 2564 กฟผ. มีความตั้งใจมอบของขวัญสุดพิเศษให้ผู้ใช้ยานยนต์ไฟฟ้าได้ชาร์จไฟฟรีที่สถานีชาร์จของ กฟผ. ทุกแห่งทั่วประเทศ ทั้งนี้ผู้ใช้งานสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมผ่านแอปพลิเคชัน EleXA และ Line Official Account : @elexaev ได้ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง  

กฟผ. ตั้งเป้าขยายสถานีชาร์จให้ครบ 48 สถานี บนเส้นทางทุก ๆ 200 – 250 กิโลเมตร ภายในปี 2564 และติดตั้งให้ครบ 90 สถานี ภายในปี 2565  โดยจะเลือกพื้นที่ที่สามารถตอบโจทย์การใช้งานและตรงตามความต้องการของผู้ใช้ให้ได้มากที่สุด เพื่อสร้างความมั่นใจเลือกใช้ยานยนต์ไฟฟ้าและเพิ่มความสะดวกสบายในการเดินทางมากยิ่งขึ้น