ผู้ชมทั้งหมด 677
เอกอัครราชทูตฯเยอรมนี ประจำประเทศไทย เยี่ยมชมโซลาร์เซลล์ลอยน้ำไฮบริดใหญ่ที่สุดในโลก 45 เมกะวัตต์ จ.อุบลราชธานี ของ กฟผ. ย้ำเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสร้างความยั่งยืนให้ชุมชน
สถานเอกอัครราชทูตสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี กรุงเทพมหานคร นำโดย Mr. Georg Schmidtเอกอัครราชทูตเยอรมันประจำประเทศไทย พร้อมด้วย หอการค้าเยอรมันไทย (GTCC) องค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน (GIZ) และคณะผู้บริหาร บริษัท ซีเมนส์ จำกัด เข้าเยี่ยมชมโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทุ่นลอยน้ำร่วมกับโรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนสิรินธร (Hydro-floating Solar Hybrid) กำลังผลิต 45 เมกะวัตต์ จ.อุบลราชธานี โดยมีนายฉัตรชัย มาวงศ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการวิศวกรรมและก่อสร้างโรงไฟฟ้า การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับ พร้อมบรรยายข้อมูลการพัฒนาโครงการและการส่งเสริมคุณภาพชีวิตชุมชนอย่างยั่งยืน เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2566
สำหรับ โซลาร์เซลล์ลอยน้ำไฮบริดเขื่อนสิรินธร ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 47,000 ตันต่อปี และยังประโยชน์ต่อชุมชนโดยรอบ เพื่อเดินหน้าสู่สังคมไร้คาร์บอนอย่างแท้จริง กฟผ. จึงได้เตรียมพัฒนาโครงการโซลาร์เซลล์ลอยน้ำไฮบริดในพื้นที่เขื่อนของ กฟผ. ทั้ง 9 เขื่อนทั่วประเทศ รวม 16 โครงการอย่างต่อเนื่อง รวมกำลังผลิตทั้งหมด 2,725 เมกะวัตต์ ซึ่งโครงการถัดไปคือโครงการโซลาร์เซลล์ลอยน้ำไฮบริด เขื่อนอุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น ขนาดกำลังผลิต 24 เมกะวัตต์ มีกำหนดจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ปลายปี 2566 โดยจะต่อยอดเพิ่มเสถียรภาพของการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนให้ดียิ่งขึ้น ด้วยการติดตั้งแบตเตอรี่ (Battery Energy Storage System – BESS) เข้าไปในระบบผลิตไฟฟ้าแบบไฮบริด ซึ่งจะส่งผลให้สามารถผลิตไฟฟ้าได้อย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่องมากยิ่งขึ้น
Mr.Georg Schmidt (มิสเตอร์ เกออร์ก ชมิดท์) เอกอัครราชทูตเยอรมันประจำประเทศไทย กล่าวว่าโครงการโซลาร์เซลล์ลอยน้ำไฮบริดเขื่อนสิรินธรที่ประสบความสำเร็จเป็นไปตามเป้าหมาย ช่วยผลิตพลังงานสะอาดที่มีเสถียรภาพ และเป็นมิตรต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม แสดงถึงความมุ่งมั่นเอาจริงเอาจังในการส่งเสริมพลังงานสะอาดของไทย อีกทั้งยังช่วยส่งเสริมชุมชนให้พึ่งพาตัวเอง เพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืน เอกอัครราชทูตเยอรมันฯ ยังได้แสดงความประทับใจถึงการนำนวัตกรรมพลังงานแสงอาทิตย์และพลังน้ำมาผสมผสานผลิตไฟฟ้าที่มีเสถียรภาพได้ตลอดเวลา
“เทคโนโลยีของบริษัทเยอรมันมีส่วนช่วยให้เรานำพลังงานหมุนเวียนของประเทศไทยมาใช้ได้อย่างเต็มศักยภาพ โดยประเทศเยอรมนีพัฒนาความร่วมมือทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจและเทคโนโลยีกับประเทศไทยมาเป็นเวลาหลายปี เราร่วมมือกันเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาและความยั่งยืน โครงการดังกล่าวนับเป็นความร่วมมือล่าสุดสำหรับความสัมพันธ์ด้านพลังงานของเรา”
นายฉัตรชัย มาวงศ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการวิศวกรรมและก่อสร้างโรงไฟฟ้า กฟผ. กล่าวเพิ่มเติมว่า กฟผ. ได้นำโซลาร์เซลล์ลอยน้ำมาผลิตไฟฟ้าร่วมกับโรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนสิรินธร เพื่อลดข้อจำกัดของพลังงานหมุนเวียน ช่วยให้การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนมีความมั่นคงมากขึ้น พร้อมกับขับเคลื่อนประเทศไทยให้บรรลุเป้าหมาย Carbon Neutrality ตามนโยบายรัฐบาล นอกจากนั้น กฟผ. ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตชุมชน โดยผลักดันโรงไฟฟ้าให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญและแหล่งเรียนรู้ด้านพลังงานแห่งใหม่ของ จ.อุบลราชธานี ช่วยสร้างงาน สร้างรายได้ให้กับชุมชนจากการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน และยังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของจังหวัดในภาพรวมอีกด้วย หลังจากเปิดให้เยี่ยมชมโครงการโซลาร์เซลล์ลอยน้ำไฮบริดใหญ่ที่สุดในโลก ทำให้มีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมแล้วกว่า 420,000 ราย ช่วยสร้างรายได้ให้กับกลุ่มวิสาหกิจชุมชนต่าง ๆ รวมมากกว่า 8.3 ล้านบาท
Dr.Thai-Lai Pham (ดอกเตอร์ ไท ไล ฟาม) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ซีเมนส์ อาเซียน แสดงความยินดีที่โครงการโซลาร์เซลล์ลอยน้ำไฮบริดประสบผลสำเร็จ นับเป็นก้าวสำคัญของการพัฒนาการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ซึ่งบริษัท ซีเมนส์ จำกัด รู้สึกภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการสำคัญนี้ ด้วยการนำเทคโนโลยี ทั้ง “Microgrid Control” “Photovoltaic Plant Control” และ “Distributed Energy Optimization (DEOP)” มาช่วยจัดการพลังงานหมุนเวียน ทั้งพลังงานแสงอาทิตย์และพลังน้ำจากเขื่อน เพื่อเพิ่มเสถียรภาพ ประสิทธิภาพและความสมดุลให้กับระบบไฟฟ้า