ผู้ชมทั้งหมด 522
กฟผ. ชวนคนไทยร่วมปรับวิธีคิด ปรับพฤติกรรม ผนึกกำลังอนุรักษ์พลังงาน พร้อมดูแลสิ่งแวดล้อม ลดการปล่อยคาร์บอน พร้อมขับเคลื่อนประเทศมุ่งสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน ในวันสิ่งแวดล้อมโลก
เมื่อวันที่ 1 มิ.ย.2566 การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) จัดงานวันสิ่งแวดล้อม กฟผ. ประจำปี 2566 เนื่องในโอกาสวันสิ่งแวดล้อมโลก วันที่ 5 มิถุนายนของทุกปี ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 29 พฤษภาคม – 2 มิถุนายน 2566 ภายใต้แนวคิด “ชีวิตติด Neutral” สร้างความรู้ความเข้าใจ และการตระหนักรู้ให้กับคนไทยในการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม ร่วมขับเคลื่อนให้ประเทศบรรลุเป้าหมาย “ความเป็นกลางทางคาร์บอน” หรือ Carbon Neutrality ในปี 2050 โดยมีนักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อม ด้านการศึกษา นักเรียน นักศึกษา พนักงาน กฟผ. ตลอดจนประชาชนผู้สนใจ เข้าร่วมงาน ณ กฟผ. สำนักงานกลาง อ.บางกรวย จ.นนทบุรี
นายบุญญนิตย์ วงศ์รักมิตร ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า กฟผ. ได้ตั้งเป้าหมายนำพาองค์กรและประเทศบรรลุ “ความเป็นกลางทางคาร์บอน” โดยได้ขับเคลื่อนองค์กรผ่านกลยุทธ์ ‘Triple S’ คือ Sources Transformation การเพิ่มสัดส่วนการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน การปรับระบบโครงข่ายไฟฟ้าให้ยืดหยุ่นและทันสมัยรองรับพลังงานหมุนเวียน ศึกษาเชื้อเพลิงและเทคโนโลยีที่ไม่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพื่อนำมาใช้ในอนาคต Sink Co-Creation เพิ่มแหล่งดูดซับคาร์บอน ผ่านโครงการปลูกป่าล้านไร่ ในเวลา 10 ปี โดยร่วมมือกับภาครัฐและองค์กรต่าง ๆ รวมถึงการใช้เทคโนโลยีกักเก็บคาร์บอน และ Support Measures Mechanism ดำเนินโครงการสนับสนุนให้สังคม มีส่วนร่วมลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เช่น โครงการฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 การสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศ
“กฟผ. ให้ความสำคัญกับการดูแลรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมควบคู่กับการรักษาความมั่นคงทางพลังงานมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการผลิตไฟฟ้า การรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมให้ดีกว่ามาตรฐานที่กฎหมายกำหนด รวมถึงการส่งเสริมให้คนไทยตระหนักถึงปัญหาโลกรวน เพื่อปรับวิธีคิด และพฤติกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ดี”
นอกจากนี้ กฟผ. ยังให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหามลพิษทางอากาศที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของคนไทย สร้างต้นแบบหอฟอกอากาศสำหรับชุมชนด้วยเทคนิคพลาสมาเพื่อบรรเทาปัญหาฝุ่น PM2.5 พร้อมพัฒนาแอปพลิเคชัน Sensor for All ซึ่งเชื่อมโยงข้อมูลจากเซนเซอร์ตรวจวัดคุณภาพอากาศและปริมาณฝุ่นละอองที่ติดตั้งบริเวณโรงไฟฟ้า โรงงานขนาดใหญ่ สี่แยกไฟแดงที่มีการจราจรหนาแน่น สถานที่ท่องเที่ยวประจำจังหวัดกว่า 1,200 จุด ทั่วประเทศ เพื่อเฝ้าระวังให้ประชาชนสามารถวางแผนการใช้ชีวิตประจำวันให้เหมาะสมกับสภาพอากาศในช่วงที่ต้องเผชิญกับปัญหามลพิษทางอากาศได้
สำหรับไฮไลต์ของงานวันสิ่งแวดล้อม กฟผ. ในปีนี้ คือ การจัดเสวนาในหัวข้อ “ปรับชีวิต พิชิตความเป็นกลางทางคาร์บอน” ซึ่งได้รับเกียรติจากกูรูด้านสิ่งแวดล้อมของประเทศ มาร่วมแชร์ประสบการณ์ ได้แก่
นายจิรวัฒน์ ระติสุนทร รองเลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) เผยว่า ประเทศไทยมีเป้าหมายบรรลุ Nationally Determined Contributions (NDC) ในปี 2030 เป้าหมาย Carbon Neutrality ในปี 2050 และเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ในปี 2065 โดยขับเคลื่อนผ่านแนวทาง 4 ด้าน คือ ด้านนโยบายและกฎหมาย ด้านการเงินและการลงทุน ด้านการพัฒนาเทคโนโลยี นวัตกรรม และด้านการมีส่วนร่วม โดยพัฒนากลไกลตลาดคาร์บอนเครดิตเพื่อเป็นตัวเร่งในการขับเคลื่อนสู่เป้าหมายได้รวดเร็วขึ้น
นายเกียรติชาย ไมตรีวงษ์ ผู้อำนวยการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) (อบก.) เผยว่า แนวคิดพื้นฐานในการบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจกสู่บรรลุเป้าหมาย คือ 1) ตรวจวัดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 2) ลดการปล่อยและผลิตคาร์บอนเครดิต โดยพัฒนาเป็นโครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานของประเทศไทย (Thailand Voluntary Emission Reduction Program: T-VER) ซึ่งจะได้ผลผลิตออกมาเป็นคาร์บอนเครดิต และ 3) นำคาร์บอนเครดิตไปขายในตลาดคาร์บอน พร้อมเป็นหน่วยงานที่สนับสนุนภาคส่วนต่างๆ ให้บรรลุเป้าหมาย Carbon Neutrality
ดร.วิทย์ สิทธิเวคิน พิธีกร นักจัดรายการช่อง The Standard เผยว่า ในฐานะสื่อมวลชน ต้องสร้างความเข้าใจและการรับรู้ให้ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลและปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยการย่อยข้อมูลให้ง่ายและรู้ว่าในแต่ละกิจกรรมที่ทำนั้นมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเท่าใด พร้อมทั้งต้องนำเสนอให้ภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมไปด้วยกัน
นายธวัชชัย สำราญวานิช ผู้ช่วยผู้ว่าการแผนงานโรงไฟฟ้า กฟผ. กล่าวเสริมว่า ทุกคนสามารถมีส่วนช่วยในการบรรลุเป้าหมาย Carbon Neutrality ได้ โดยการปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตประจำวันง่าย ๆ ผ่าน กลยุทธ์ 4 ป. คือ 1) ปิดไฟ 2) ปรับอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศที่ 26 องศา 3) ปลดปลั๊กไฟฟ้าเมื่อเลิกใช้งาน และ 4) เปลี่ยนมาใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าประสิทธิภาพสูง เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5
นอกจากนี้ ภายในงานยังมีกิจกรรมรับมอบเครื่องหมาย Carbon Neutral Event จากนายเกียรติชาย ไมตรีวงษ์ ผู้อำนวยการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) เพื่อรับรองการจัดงานสิ่งแวดล้อม กฟผ. ว่ามีการชดเชยปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งหมดจนเป็นศูนย์ และเปิดตลาด “Living Neutral Fair” จำหน่ายสินค้าและอาหารรักษ์โลกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม กว่า 30 ร้านค้า พร้อมกิจกรรม Workshop ประดิษฐ์สิ่งของจากวัสดุรีไซเคิล และนิทรรศการให้ความรู้เพื่อพิชิตความเป็นกลางทางคาร์บอน