ผู้ชมทั้งหมด 180
กบน. รีดเงินผู้ใช้ดีเซล เข้ากองทุนฯเพิ่ม หลังราคาน้ำมันตลาดโลกปรับลดลง ส่งผลให้ ผู้ใช้ดีเซล จ่าย 3.59 บาทต่อลิตร ส่วนดีเซลพรีเมียม จ่าย 5.09 บาทต่อลิตร สูงสุดรอบปี2567 ชี้สถานะกองทุนฯ ยังติดลบ ต้องรีบตุนเงินชำระหนี้ก้อนแรก พ.ย.นี้
การประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) เมื่อวันที่ 12 ก.ย. 2567 มีมติให้เรียกเก็บเงินกลุ่มดีเซลเพิ่มขึ้น โดยผู้ใช้น้ำมันดีเซล ถูกเรียกเก็บในอัตราที่สูงถึง 3.59 บาทต่อลิตร และเรียกเก็บเงินผู้ใช้น้ำมันดีเซล เกรดพรีเมี่ยม แตะ 5.09 บาทต่อลิตร เพื่อส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งนับเป็นการเรียกเก็บเงินจากผู้ใช้ดีเซล ส่งเข้ากองทุนฯ ในอัตราสูงที่สุดของปี 2567
ขณะที่ ปัจจุบัน ยอดการใช้น้ำมันดีเซล อยู่ที่ 68.06 ล้านลิตรต่อวัน ส่งผลให้มีเงินส่งเข้ากองทุนฯ จากน้ำมันกลุ่มดีเซล รวมประมาณ 213.96 ล้านบาทต่อวัน โดยราคาจำหน่ายดีเซล ยังคงไว้ที่ 32.94 บาทต่อลิตร
ส่วนกลุ่มเบนซิน-แก๊สโซฮอล์ ยังคงเรียกเก็บเงินผู้ใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 และ 91 อัตราสูง อยู่ที่ 4.90 บาทต่อลิตร ,แก๊สโซฮอล์ E20 เรียกเก็บ 2.91 บาทต่อลิตร, แก๊สโซฮอล์ E85 เรียกเก็บ 1.46 บาทต่อลิตร และเบนซินออกเทน 95 เรียกเก็บ 10.68 บาทต่อลิตร
ขณะที่ ปัจจุบัน ยอดการใช้น้ำมันกลุ่มเบนซิน-แก๊สโซฮอล์ อยู่ที่ 31.55 ล้านลิตรต่อวัน ส่งผลให้มีเงินส่งเข้ากองทุนฯ รวม 134.26 ล้านลิตรต่อวัน
ทั้งนี้ กองทุนน้ำมันฯ มีเงินไหลเข้าจากดีเซลและกลุ่มเบนซิน-แก๊สโซฮอล์ รวม 348.22 ล้านบาทต่อวัน หรือ 10,446 ล้านบาทต่อเดือน
แหล่งข่าวกระทรวงพลังงาน ระบุว่า การเรียกเก็บเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ในครั้งนี้ เนื่องจากสถานการณ์ราคาน้ำมันโลกปรับลดลง ขณะที่สถานะเงินกองทุนน้ำมันฯ ยังคงติดลบกว่า 1 หมื่นล้านบาท โดย ข้มูลล่าสุด ณ วันที่ 8 ก.ย. 2567 สถานะเงินกองทุนฯ ติดลบรวม 105,121 ล้านบาท แบ่งเป็น บัญชีน้ำมัน ติดลบรวม 57,646 ล้านบาท และบัญชี LPG ติดลบรวม 47,475 ล้านบาท
ดังนั้น กองทุนน้ำมันฯ จึงต้องเร่งเก็บเงินผู้ใช้น้ำมันดีเซล เพื่อจ่ายคืนหนีของกองทุนฯ หลังกู้เงินจากสถาบันการเงินถึง 105,333 ล้านบาท ในปี 2566 ซึ่งจะถึงกำหนดต้องชำระเงินต้นก้อนแรกในเดือน พ.ย.นี้