ผู้ชมทั้งหมด 584
กบง. อนุมัติเลื่อนปลดระวางโรงไฟฟ้าแม่เมาะหน่วย 8-11 กำลังการผลิตรวม 1,080 เมกะวัตต์ ออกไปสิ้นปี 68 หวังช่วยลดต้นทุนค่าไฟฟ้าให้ประชาชนได้ 37,000 ล้านบาท พร้อมเสนอ กพช. เห็นชอบต่อไปในวันที่ 22 มิ.ย. นี้
แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ที่มี นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธาน เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2565 ที่ผ่านมาได้อนุมัติแผนเลื่อนปลดระวางโรงไฟฟ้าแม่เมาะหน่วยที่ 8 -11 ออกไปถึงสิ้นปี 2568 ตามที่การไฟฟ้าผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เสนอให้เป็นหนึ่งในแนวทางการลดภาระต้นทุนค่าไฟฟ้าให้ประชาชน จากที่ราคาเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) มีราคาสูง โดยราคาเชื้อเพลิงถ่านหินลิกไนต์แม่เมาะเมื่อเทียบกับราคา Spot LNG จะช่วยให้สามารถลดต้นทุนค่าไฟฟ้าได้ราว 37,000 ล้านบาท
“เหตุผลที่กฟผ.เสนอขออนุมัติเลื่อนปลดโรงไฟฟ้าแม่เมาะหน่วยที่ 8 -11 ออกไปถึงปี 2568 เนื่องจากใช้ถ่านหินลิกไนต์ที่มีแหล่งในประเทศ ทำให้มีต้นทุนค่าเชื้อเพลิงที่ต่ำกว่า การนำเข้าLNG มาผลิตไฟฟ้า แม้จะเป็นโรงไฟฟ้าเก่าก็ตามประสิทธิภาพในการผลิตไฟฟ้ายังดีอยู่ โดยจากการคำนวณเบื้องต้น ในราคาถ่านหินลิกไนต์ที่ประมาณ 800-900 บาทต่อตัน คิดเป็นต้นทุนการผลิตไฟฟ้า ( คิดเฉพาะค่าเชื้อเพลิง ) ประมาณ 80 -90 สตางค์ต่อหน่วยเท่านั้น เปรียบเทียบกับ LNG ที่ราคา 30 เหรียญสหรัฐต่อล้านบีทียู จะคิดเป็นต้นทุนค่าไฟฟ้าประมาณ 6 บาทต่อหน่วย” แหล่งข่าวกล่าว
ทั้งนี้โรงไฟฟ้าแม่เมาะหน่วยที่ 8 -11 มีกำลังการผลิตไฟฟ้าโรงละ 270 เมกะวัตต์ รวมกำลังการผลิตทั้ง 4 โรงเป็น 1,080 เมกะวัตต์ โดยโรงไฟฟ้าแม่เมาะหน่วยที่ 8 นั้นเดิมกำหนดปลดระวางวันที่ 31 ธันวาคม 2565 เลื่อนไปเป็นวันที่ 31 ธันวาคม 2568 และโรงไฟฟ้าแม่เมาะหน่วยที่ 9 -11 ที่จะปลดระวางในปี 2567 ก็ให้เลื่อนออกไปเป็นปี 2568
ในขณะที่โรงไฟฟ้าแม่เมาะชุดที่ 12 และ 13 นั้นจะปลดระวางในปี 2568 อยู่แล้ว โดยภายหลังจากการปลดระวางโรงไฟฟ้าแม่เมาะในปี 2568 แล้วก็ยังจะมีโรงไฟฟ้าใหม่มาทดแทนแม่เมาะหน่วยที่ 8-9 กำลังการผลิต 600 เมกะวัตต์ มูลค่าลงทุนพร้อมระบบสายส่ง 47,470 ล้านบาท ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติไปเมื่อ 24 พฤษภาคม 2565 ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตามสำหรับมติ กบง. ดังกล่าวจะต้องนำเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายและแผนพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่มี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ให้ความเห็นชอบในวันที่ 22 มิถุนายน 2565 ต่อไป