ผู้ชมทั้งหมด 50
“มนพร” เร่งรัด “การท่าเรือฯ” จ้างเหมาต่อเรือขุดลำใหม่ ทดแทนเรือสันดอน 7 ที่เสื่อมสภาพ หวังเพิ่มศักยภาพการให้บริการด้านการขุดลอก สนองนโยบาย ก.คมนาคม ด้านการเพิ่มประสิทธิภาพ–ลดต้นทุนด้าน โลจิสติกส์
นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า พิธีลงนามในสัญญาการจ้างเหมาต่อเรือขุดแบบยุ้งดิน ขนาดความจุไม่น้อยกว่า 2,500 ลูกบาศก์เมตร จำนวน 1 ลำ เพื่อทดแทนเรือสันดอน 7 ระหว่างการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) และบริษัท อู่กรุงเทพ จำกัด เพื่อขับเคลื่อนนโยบายกระทรวงคมนาคม ในการก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางการขนส่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุนโลจิสติกส์ให้กับผู้ประกอบการและผู้ใช้บริการอย่างยั่งยืน เรือขุดลำใหม่นี้จะช่วยเสริมสร้างสมรรถนะงานขุดลอกบำรุงรักษาร่องน้ำของ กทท. ทั้งร่องน้ำสันดอนเจ้าพระยาที่ท่าเรือกรุงเทพและร่องน้ำที่ท่าเรือแหลมฉบัง ให้มีมาตรฐานความปลอดภัย พร้อมรองรับการสัญจรของเรือสินค้า ได้อย่างสะดวกมีประสิทธิภาพ ซึ่งภารกิจดังกล่าวเป็นการพัฒนาการให้บริการ โครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกของ กทท. ให้มีมาตรฐานสากล อีกทั้งยังเป็นความร่วมมือและสานสัมพันธ์อันดีระหว่างหน่วยงานภาครัฐด้วยกัน เนื่องจากบริษัท อู่กรุงเทพ จำกัด เป็นรัฐวิสาหกิจในความควบคุมของกองทัพเรือ อันเป็นการตอบสนองตามนโยบายรัฐบาลที่มุ่งส่งเสริมสนับสนุนอุตสาหกรรมภายในประเทศ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมต่อเรือ รวมทั้งเป็นการส่งเสริมและพัฒนาทักษะแรงงานไทยอีกด้วย
นายเกรียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข ผู้อำนวยการ กทท. กล่าวว่า กทท. ได้จ้างเหมาบริษัท อู่กรุงเทพ จำกัด ต่อเรือขุด จํานวน 1 ลํา มูลค่า 2,675,000,000 บาท ทดแทนเรือสันดอน 7 ที่ปัจจุบันเสื่อมสภาพตามอายุการใช้งานมาแล้วกว่า30 ปี ส่งผลให้เรือไม่สามารถออกปฏิบัติงานได้ตามเกณฑ์ที่กําหนด จึงต้องดำเนินโครงการจ้างเหมาฯ ครั้งนี้ เพื่อให้คงความพร้อมในการออกปฏิบัติงานของเรือสันดอน สอดรับกับภารกิจและกลยุทธ์ของ กทท. ที่เกี่ยวกับงานด้านขุดลอกบำรุงรักษาร่องน้ำ โดยคุณสมบัติเฉพาะของเรือลำนี้ มีความยาวตลอดลำเรือ 90.0 เมตร ความกว้างสูงสุดของเรือ 16.0 เมตร ระยะกินน้ำลึกตัวเรือ (Full load) 6.0 เมตร ระยะกินน้ำลึกตัวเรือ (Light load) 4.5 เมตร ความจุยุ้งดินไม่น้อยกว่า 2,500 ลูกบาศก์ ความเร็วสูงสุด (Full load) ไม่น้อยกว่า 10.5 นอต ความเร็วสูงสุด (Fight load) ไม่น้อยกว่า 11.5 นอต มีหน้าที่ขุดลอกบำรุงรักษาร่องน้ำทางเดินเรือ บริเวณท่าเทียบเรือและแอ่งจอดเรือภายในอาณาบริเวณของท่าเรือกรุงเทพรวมถึงท่าเรือแหลมฉบังเพื่อให้ได้ความลึกตามเกณฑ์มาตรฐานที่ได้กำหนดไว้ด้วยเครื่องมือและอุปกรณ์สำรวจที่มีระบบเทคโนโลยีที่ทันสมัย ซึ่งจะทำให้การปฏิบัติงานมีความถูกต้อง แม่นยำ และประหยัดเวลามากขึ้น โดยเรือลำนี้จะสามารถปฏิบัติงานได้จริงนับถัดจากวันลงนามในสัญญา 900 วัน