กกพ. คาดค่าไฟฟ้า 2 งวดที่เหลือปีนี้ อยู่ที่ระดับ 4.20 บาทต่อหน่วย

ผู้ชมทั้งหมด 3,957 

กกพ. แย้มอัตราค่าไฟฟ้า 2 งวดที่เหลือของปีนี้ (งวด พ.ค.-ส.ค. และ งวด ก.ย.-ธ.ค.) เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 4.20-4.25 บาทต่อหน่วย ไม่รวมใช้หนี้ค่าเชื้อเพลิง กฟผ.อีกราว 1.1-1.2 แสนล้านบาท พร้อมหนุนรัฐเดินหน้าเจรจาพัฒนาแหล่งก๊าซฯพื้นที่ทับซ้อน ไทย-กัมพูชา

นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน เปิดเผยว่าแนวโน้มค่าไฟฟ้า 2 งวดที่เหลือของปีนี้ คือ งวดเดือน พ.ค.-ส.ค. และ งวดเดือน ก.ย.-ธ.ค. คาดว่า อัตราค่าไฟฟ้าจะอยู่ที่ระดับ 4.20-4.25 บาทต่อหน่วย ตามการคำนวนโครงสร้างต้นทุนค่าไฟฟ้าเดิม หรืออาจปรับลดลงได้เล็กน้อยแหล่งเอราวัณ สามารเพิ่มกำลังการผลิตได้ระดับ 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันในเดือนเม.ย.นี้ ตามเป้าหมาย และเมียนมา สามารถส่งจัดส่งก๊าซฯได้ในปริมาณไม่ลดลง รวมถึงราคาก๊าซธรรมชาติเหลว(LNG)ไม่ปรับสูงขึ้นไปจากปัจจุบันที่อยู่ในระดับ 10-11 ล้านต่อล้านบีทียู ทั้งนี้ อัตราค่าไฟฟ้ายังไม่รวมการชำระหนี้ค่าเชื้อเพลิงคืนให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) ที่แบกรับภาระต้นทุนให้ประชาชนไปก่อนหน้า โดยคาดว่า จะมีอัตราหนี้รวมอยู่ที่ 1.1- 1.2 แสนล้านบาท

ส่วนข้อเสนอของเอกชนที่เรียกร้องให้ปรับค่าไฟฟ้า เหลืออยู่ที่ 3.60 บาทต่อหน่วยนั้น ยอมรับว่า เป็นไปได้ยาก เนื่องจากปัจจุบัน กกพ.ได้ปรับรื้อและลดทุกช่องทางที่สามารถนำมาช่วยลดผลกระทบจากต้องทุนค่าเชื้อเพลิงที่ปรับเพิ่มขึ้นแล้ว เหลือเพียงการปรับรื้อโครงสร้างไฟฟ้าทั้งระบบซึ่งก็เป็นเรื่องนโยบายของภาครัฐที่จะต้องดำเนินการ

“ต้นทุนค่าไฟฟ้าในงวดถัดไป จะมีเงิน Shortfall จาก ปตท. เข้ามาช่วยลดค่าไฟฟ้าได้อีกหรือไม่นั้น ทาง กกพ.อยู่ระหว่างการศึกษาข้อมูล โดยเฉพาะการเพิ่มอัตราการผลิตก๊าซฯ แหล่งเอราวัณ ว่าจะเป็นไปตามแผนหรือไม่”

อย่างไรก็ตาม กกพ.มองว่า แนวทางดูแลอัตราค่าไฟฟ้าในระยะยาว เพื่อให้เกิดวามมั่นคงในระบบไฟฟ้าและอัตราค่าไฟฟ้าในอนาคตนั้น ภาครัฐ ควรเร่งเดินหน้าแนวทางการเจรจาการหาข้อยุติพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนทางทะเลระหว่างไทยและกัมพูชา หรือ Overlapping Claims Area (OCA) ให้เกิดความชัดเจนโดยเร็ว เนื่องจากเชื่อว่าพื้นที่ดังกล่าวจะมีศักยภาพในการผลิตก๊าซฯ เพราะอยู่ใกล้กับแหล่งเอราวัณ และสามารถเชื่อมต่อท่อส่งก๊าซฯทางทะเลได้โดยง่าย ซึ่งหากสามารถตกลงกันได้และนำไปสู่การพัฒนาก๊าซฯขึ้นมาใช้ ก็จะเกิดประโยชน์ระหว่าง 2 ประเทศในอนาคตอย่างแน่นอน