เยือนถิ่น! “สงขลา” บ้านหลังที่ 2 เชฟรอน ส่องผลงาน CSR เสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืน  

ผู้ชมทั้งหมด 541 

จังหวัดสงขลาเป็นเมืองท่าและเมืองชายทะเลที่สำคัญแห่งหนึ่งของประเทศ ที่มีประชากรมากเป็นอันดับ 2 ของภาคใต้ และมีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดของภาคใต้ บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด ในฐานะภาคเอกชน ซึ่งได้ดำเนินธุรกิจในจังหวัดแห่งนี้มากว่า 4 ทศวรรษ นับตั้งแต่ปี 2524 มุ่งมั่นในการเป็นพันธมิตรที่ดีกับชาวสงขลา และเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของชุมชนชาวสงขลาอย่างต่อเนื่องจากการดำเนินงานด้านกิจกรรมเพื่อสังคม (CSR)

นางสาวพรสุรีย์ กอนันทา รองประธานกรรมการบริหาร ฝ่ายกิจการองค์กร บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด กล่าวว่า ในฐานะบริษัทพลังงานที่ผู้บุกเบิกและพัฒนาธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในไทยมากว่า 6 ทศวรรษ เชฟรอนมีนโยบายดำเนินธุรกิจควบคู่กับการทำงานร่วมกับชุมชนและสังคมอย่างยั่งยืน ผ่านการทำโครงการเพื่อสังคมที่มีกลยุทธ์ใน 4 ด้าน ได้แก่ การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและพลังงาน การพัฒนาเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิต การส่งเสริมการศึกษา และการเปิดโอกาสให้พนักงานได้มีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมเพื่อสังคม

“จังหวัดสงขลาเปรียบเหมือนบ้านหลังที่สองของเชฟรอนที่ผูกพันกันมายาวนานกว่า 40 ปี ทั้งนี้ ในการทำโครงการเพื่อสังคม เรามุ่งให้ความสำคัญกับการทำงานแบบบูรณาการ ผ่านการทำงานร่วมกับหน่วยงานภาคีเครือข่าย ทั้งภาครัฐ ภาคการศึกษา และภาคประชาสังคม เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของชุมชนได้อย่างตรงจุด และสามารถพัฒนาต่อยอดได้อย่างยั่งยืน โดยโครงการส่วนใหญ่เป็นโครงการระยะยาว ที่เน้นการพัฒนาองค์ความรู้ สร้างต้นแบบ และพัฒนาพลังคน อาทิ โครงการก๊าซชีวภาพสหกรณ์ยางพาราสู่สังคมคาร์บอนต่ำ การสนับสนุนหอดูดาวเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา สงขลา และโครงการอนุรักษ์ย่านเมืองเก่าสงขลา ซึ่งล้วนเห็นผลความสำเร็จเป็นรูปธรรม สามารถร่วมขับเคลื่อนการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในสงขลาได้อย่างยั่งยืน และเป็นต้นแบบที่สามารถนำไปปฏิบัติในพื้นที่อื่นได้”

ก๊าซชีวภาพ – โซลาร์เซลล์ หนุนสหกรณ์ยางพาราสู่สังคมคาร์บอนต่ำ

นายสุเมธ ไชยประพัทธ์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยระบบพลังงาน มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ กล่าวว่า ในจังหวัดสงขลาคนในชุมชนส่วนใหญ่ทำอาชีพเกษตรกรยางพาราเป็นอาชีพหลัก และการแปรรูปยางพาราเป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจของจังหวัดได้เป็นอย่างมาก อย่างไรก็ดีการผลิตยางแผ่นรมควันซึ่งใช้ไม้ฟืนเป็นเชื้อเพลิง ทำให้มีต้นทุนที่สูงและบางครั้งไม่ได้คุณภาพตามที่ต้องการ อีกทั้งกระบวนการผลิตยังปล่อยก๊าซเรือนกระจกและก่อให้เกิดกลิ่นเหม็นและน้ำเสียส่งผลกระทบต่อชุมชนโดยรอบสหกรณ์อีกด้วย

ทั้งนี้จากต้นทุนการผลิตยางแผ่นรมควันที่สูงทางเชฟรอนได้สนับสนุนการดำเนินงานของสถาบันวิจัยระบบพลังงาน มหาวิทยาลัยสงขลา นครินทร์ มาตั้งแต่ปี 2558 ด้วยงบประมาณรวมกว่า 10.8 ล้านบาท เพื่อส่งเสริมกระบวนการผลิตยางแผ่นรมควันในระดับชุมชนสู่เป้าหมายความยั่งยืน และสร้างความเข้มแข็งของวิสาหกิจชุมชนในระยะยาว โดยได้ดำเนินโครงการสหกรณ์ยางพาราสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ด้วยการเปลี่ยนน้ำเสียให้เป็นก๊าซชีวภาพ และใช้ก๊าซชีวภาพไปรมควันยางแผ่นเพื่อช่วยประหยัดเชื้อเพลิงไม้ฟืน ตลอดจนนำระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้ในการผลิตยางแผ่น โดยนำร่องต้นแบบ ณ สหกรณ์บ้านทรายขาว และสหกรณ์ยูงทอง

การดำเนินโครงการสหกรณ์ยางพาราสู่สังคมคาร์บอนต่ำนั้นแต่ละสหกรณ์สามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 425 ตัน/ปี หรือประมาณร้อยละ 31 และการนำก๊าซชีวภาพที่ผลิตได้ช่วยลดการใช้ฟืน ส่งผลให้ประหยัดเงินของสหกรณ์ฯ ได้ 130,000-180,000 บาทต่อปี ซึ่งในปัจจุบันสหกรณ์ยางแผ่นรมควันยูงทองยังได้เป็นต้นแบบในการส่งต่อความรู้ให้กับสหกรณ์อื่นๆ ในพื้นที่ต่อไป

นอกจากนี้สหกรณ์ยูงทองอยู่ระหว่างดำเนินการขอรับรองการจดทะเบียนคาร์บอนฟุตพริ้นท์องค์กร (Carbon Footprint for Organization) และดำเนินการประเมินความเป็นไปได้ในการทำคาร์บอนเครดิตของสหกรณ์ ตามเงื่อนไขขององค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) ของประเทศไทย เพื่อนำสหกรณ์ยางแผ่นรมควันยูงทองไปสู่องค์กรที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral) แห่งแรก

จุดประกายเยาวชนเรียนรู้ดาราศาตร์ซีกฟ้าใต้   

หอดูดาวเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา สงขลา เป็นอีกสถานที่แห่งหนึ่งที่ได้รับการสนับสนุนจากเชฟรอนในการก่อสร้างและพัฒนาสถานที่ ตลอดจนการจัดกิจกรรมดาราศาสตร์อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2560 รวมงบประมาณสนับสนุนกว่า 30 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนการเรียนรู้และสร้างแรงบันดาลในการศึกษาด้านสะเต็ม (STEM: Science, Technology, Engineering and Mathematics) และ (Lifelong Learning) โดยเฉพาะในสาขาดาราศาสตร์ รวมถึงส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวิชาการในภาคใต้

นายเฉลิมชนม์ วรรณทอง ผู้จัดการหอดูดาวภูมิภาคอาวุโส หอดูดาวเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา สงขลา กล่าวว่า หอดูดาวสงขลาแห่งนี้ เป็นแหล่งเรียนรู้ด้านดาราศาสตร์ที่ครบวงจรแห่งแรกของภาคใต้ เปิดโอกาสให้เยาวชน ใน 14 จังหวัดภาคใต้ ได้เรียนรู้และเข้าถึงการใช้อุปกรณ์ทางด้านดาราศาสตร์อย่างสนุกสนาน ซึ่งจะช่วยกระตุ้นความสนใจในการเลือกเรียนสาขาวิทยาศาสตร์ เพราะดาราศาตร์เป็นพื้นฐาน องค์ความรู้ ‘เหตุและผล’ ที่เก่าแก่ที่สุดสาขาหนึ่ง สามารถต่อยอดการเรียนรู้ในสาขาอื่นที่หลากหลาย อีกหนึ่งภารกิจที่สำคัญของทางหอดูดาว คือ การกระจายโอกาสการเรียนรู้ด้านดาราศาสตร์

รวมทั้ง วิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวข้องให้กับเยาวชน นักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ และประชาชนทั่วไป ทางหอดูดาวจึงจัดกิจกรรมดาราศาสตร์สัญจร ค่ายเยาวชนคนดูดาวเท้าติดทะเล รวมทั้งกิจกรรมอื่นๆ ในภาคใต้ เพื่อสร้างความตระหนักและตื่นตัวทางดาราศาสตร์ให้มากยิ่งขึ้น หอดูดาวแห่งนี้ ยังมีฉายาอีกชื่อคือ ‘หอดูดาวสองทะเล’ ด้วยสถานที่ตั้งอยู่บริเวณเนินเขารูปช้าง ทำให้สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของทั้งทะเลสาบสงขลา และทะเลอ่าวไทย รวมถึงทัศนีย์ภาพของเมืองสงขลาได้ชัดเจน  จึงมีความโดดเด่น และเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวิชาการที่สำคัญของสงขลาและภาคใต้ของประเทศอีกด้วย

ร่วมพลิกฟื้น “เมืองเก่าสงขลา” สู่การท่องเที่ยวระดับโลก

โครงการอนุรักษ์ย่านเมืองเก่าสงขลา เป็นอีกโครงการที่ได้รับการสนับสนุนจากเชฟรอน โดยเชฟรอนได้ร่วมสนับสนุนภารกิจการอนุรักษ์และฟื้นฟูย่านเมืองเก่าผ่านโครงการมากมาย อาทิ สนับสนุนการก่อสร้างศูนย์การเรียนรู้ย่านเมืองเก่า “คิด บวก ดี” (Kid+Dee @ Historic Center) เพื่อเป็นศูนย์ประสานความร่วมมือของหน่วยงานต่างๆ ในการขับเคลื่อนการอนุรักษ์ย่านเมืองเก่า การจัดทำป้ายสื่อความหมายให้กับร้านดั้งเดิมบนถนนนางงาม เพื่อเป็นข้อมูลให้แก่นักท่องเที่ยว และสนับสนุนการจัดกิจกรรม “Music and Night at the Museum” ของทุกปี เปิดประสบการณ์ใหม่ในการเรียนรู้ประวัติศาสตร์สงขลาในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติยามค่ำคืน ตลอดจนร่วมพัฒนาสงขลาสู่การเป็นเมืองมรดกโลก ซึ่งเป็นหนึ่งในเป้าหมายที่บรรจุในแผนการพัฒนาจังหวัดสงขลา 20 ปี

นายจเร สุวรรณชาต อาจารย์คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย หนึ่งในสมาชิกกลุ่มก่อตั้งภาคีคนรักเมืองสงขลาสมาคม กล่าวว่า อัตลักษณ์ที่โดดเด่นของเมืองเก่าสงขลา คือความหลากหลายทางเชื้อชาติและวัฒนธรรมที่มีความเป็นมายาวนาน ซึ่งสะท้อนให้เห็นผ่านทั้งศิลปะ วัฒนธรรม สถาปัตยกรรม อาคารบ้านเรือน ตลอดจนอาหารการกินซึ่งเป็นต้นทุนทางวัฒนธรรมและภูมิปัญญาที่มีคุณค่า สามารถต่อยอดด้านการท่องเที่ยวที่สำคัญต่อไปในอนาคต โดยทางภาคีคนรักเมืองสงขลาสมาคม ผนึกกำลังกับ 30 องค์กร

รวมถึงเชฟรอน ได้ร่วมจัดทำแผนกลยุทธ์เพื่อยกระดับเมืองเก่าสงขลาสู่การเป็นมรดกโลกซึ่งมีกรอบการดำเนินงานใน 3 ด้าน คือ ด้านการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวสอดรับกับเมืองมรดกโลก การพัฒนาสิ่งสาธารณูปโภค และงานทางด้านวิชาการ เพื่อให้การทำงานมีความชัดเจนมากขึ้น ทั้งนี้ หากประสบความสำเร็จ จะนำมาซึ่งโอกาสและรายได้ให้กับคนในชุมชน สู่การพัฒนาเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตให้กับคนในชุมชนต่อไป

ด้วยการดำเนินโครงการในระยะยาว การสร้างความมีส่วนร่วมกับทุกฝ่าย และการติดตามผลที่เป็นรูปธรรมทำให้ทุกวันนี้ทั้ง 3 โครงการ ได้รับการยอมรับจากชุมชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการดำเนินงานและต่อยอดโครงการ เพื่อสร้างให้เกิดเป็นความยั่งยืนต่อไป