ผู้ชมทั้งหมด 538
“ศักดิ์สยาม”สั่งขบ.เปิดรับฟังความเห็นขึ้นค่าแท็กซี่อีก 2 รอบเดือน ก.ย.และ ต.ค.นี้ ให้ตกผลึก ก่อนเคาะราคาใหม่ธ.ค.นี้
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยถึงกรณีการพิจารณาปรับอัตราค่าจ้างบรรทุกคนโดยสารสำหรับรถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารไม่เกิน 7 คน (แท็กซี่มิเตอร์) ว่า จากข้อร้องเรียนของผู้ขับรถแท็กซี่ในช่วงที่ผ่านมา ที่ยื่นเรื่องมายังกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ขอปรับขี้นอัตราค่าโดยสาร เพราะต้นทุนเพิ่มขึ้น ทำให้มีรายได้ไม่สอดคล้องกับค่าใช้จ่ายในปัจจุบัน เบื้องต้นทราบว่าเรื่องดังกล่าวอยู่ระหว่างการพิจารณา และได้มีนโยบายให้ขบ.เปิดรับฟังความคิดเห็นจากเวทีสาธารณะเพื่อให้การพิจารณาเรื่องนี้รอบคอบมากขึ้น
นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า ที่ผ่านมา ขบ.ได้มีการเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมแสดงความคิดเห็น เช่น สภาคุ้มครองผู้บริโภค นักวิชาการที่เกี่ยวข้องกับระบบขนส่งสาธารณะ และองค์การนอกภาครัฐ (NGO) เป็นต้น ซึ่งได้ข้อสรุปว่าทุกฝ่ายมีความเห็นตรงกันให้พิจารณาปรับขึ้นอัตราค่าโดยสารรถแท็กซี่ เนื่องจากดัชนีผู้บริโภค (CPI) เพิ่มขึ้น 7% จาก5 ปีก่อน หรือตั้งแต่ปี 2560 แต่โดยส่วนตัวได้มอบนโยบายให้ ขบ.ไปศึกษาเรื่องนี้อย่างรอบคอบก่อน โดยให้ดำเนินการเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นเพิ่มเติมอีก 2 ครั้ง ในเดือน ก.ย.และ ต.ค.นี้ ทั้งในรูปแบบเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นและรูปแบบรับฟังความคิดเห็นผ่านช่องทางออนไลน์ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ครอบคลุมทุกกลุ่มผู้บริโภคอย่างแท้จริง
นายศักดิ์สยาม กล่าวอีกว่า การปรับขึ้นค่าโดยสารรถแท็กซี่นั้น หากดัชนี CPI มีการปรับขึ้น ค่าโดยสารก็ต้องเพิ่มขึ้นแต่ถ้าในกรณีดัชนีลดลง ค่าโดยสารก็ต้องปรับตัวลดลงตามไปด้วย ไม่ใช่ว่าปรับขึ้นแล้วลงไม่ได้และเรื่องนี้ต้องศึกษารายละเอียดและรับฟังความคิดเห็นให้ตกผลึกก่อน ไม่อยากเดินหน้าแล้วมีคนมาบอกว่าทำไมไม่ทำตรงนั้นตรงนี้ และที่สำคัญเมื่อมีการปรับขึ้นค่าโดยสารขึ้นแล้วก็ต้องควบคู่มากับการพัฒนาคุณภาพบริการ เพราะหากการบริการได้คุณภาพเชื่อว่าประชาชนก็ยอมจ่ายในราคาที่ปรับเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ เชื่อว่าการพิจารณาค่าโดยสารจะแล้วเสร็จภายในเดือน ธ.ค.นี้ แต่หากท้ายที่สุดแล้วยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน ส่วนตัวก็คงไม่สามารถอนุญาตให้ปรับขึ้นอัตราค่าโดยสารรถแท็กซี่ได้
นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า ปัจจุบันพื้นที่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีระบบขนส่งมวลชนอีกหลายทางเลือกที่จะให้ประชาชนใช้บริการ เช่น เรือ รถไฟฟ้า เป็นต้น อีกทั้งปัจจุบัน ขบ.ได้เริ่มนำรถโดยสารพลังงานไฟฟ้า (อีวี) ให้บริการแล้วจำนวน 153 คัน เมื่อเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา และตั้งเป้าเปิดให้บริการรถเมล์อีวีจำนวน 1,250 คัน ภายในปีนี้ ส่วนองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพฯ (ขสมก.) และบริษัท บขส. จำกัด อยู่ระหว่างดำเนินการในเรื่องนี้เช่นเดียวกัน โดยกระทรวงคมนาคมได้ตั้งเป้าหมายว่าการให้บริการรถสาธารณะรูปแบบเดิมที่เป็นมลพิษทางอากาศจะหมดไปภายใน3 ปี