ผู้ชมทั้งหมด 413
พนักงาน-ลูกจ้าง รฟท.ทั่วประเทศกว่า 4 พันคนรวมตัวยื่นหนังสือเปิดผนึกหนุน “นิรุฒ มณีพันธ์” นั่งตำแหน่ง ผู้ว่ารฟท.อยู่ในตำแหน่งต่ออีกหนึ่งสมัย
เมื่อวันที่ 22 ก.พ.ที่ตึกบัญชาการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) คณะผู้บริหาร พนักงาน และลูกจ้างรฟท.ทั่วประเทศกว่า 500 คน รวมกันยื่นหนังสือเปิดผนึกถึงนายจิรุตม์ วิศาลจิตร ประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) รฟท. เพื่อสนับสนุนให้ นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่ารฟท. ได้ทำหน้าที่ในตำแหน่งผู้ว่าการรฟท.ต่ออีกหนึ่งสมัย
นอกจากนี้ยังมีพนักงานที่ปฏิบัติงานตามสถานีรถไฟและโรงรถจักรต่าง ๆ ทั่วประเทศกว่า 1,000 คน พร้อมใจกันสวมเสื้อสีชมพู เพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ในการแสดงความขอบคุณที่นายนิรุฒ ได้เข้ามาดูแล รฟท. มาตลอดช่วงระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา จนทำให้ภารกิจของการรฟท.สำเร็จลุล่วงไปด้วยดีตามแผนงานที่กำหนดไว้หลายด้าน
ขณะเดียวกันพนักงานและลูกจ้างรฟท. กว่า 4,000 คน ยังได้ร่วมกันลงชื่อ เพื่อขอให้บอร์ดรฟท. และคณะกรรมการบอร์ด รฟท.เสนอเรื่องต่อกระทรวงคมนาคม หรือผู้ที่มีอำนาจในการพิจารณาได้รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของนายนิรุฒ ในช่วงตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา ที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความวิริยะอุตสาหะ และมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ สร้างความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของพนักงานและลูกจ้างภายในองค์กร นำความภาคภูมิใจ ชื่อเสียงกลับคืนสู่องค์กรได้อีกครั้ง จึงขอให้พิจารณาให้นายนิรุฒ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการรฟท.ต่ออีก 1 วาระ เพื่อให้การบริหารงานสามารถสานต่อภารกิจสำคัญตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงคมนาคมได้อย่างไร้รอยต่อ เพื่อประโยชน์ของประชาชน และประเทศชาติ
นายวิรัตน์ สมีแจ่ม ผู้แทนพนักงานและลูกจ้างรฟท. กล่าวว่า ที่ผ่านมา นายนิรุฒ ได้ทำหน้าที่ในตำแหน่งผู้ว่าการรฟท.ในการเข้ามาบริหารงาน รฟท.และดูแลประชาชน รวมถึงดูแลสวัสดิการของพนักงาน ทำให้ รฟท.มีความเจริญความก้าวหน้า และพัฒนาการให้บริการ โดยเฉพาะการนำนโยบายของรัฐบาล และกระทรวงคมนาคม มาขับเคลื่อนดำเนินการจนก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นหลายด้าน อาทิ การขับเคลื่อนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานระบบรางให้ประสบความสำเร็จตามแผน การปรับเปลี่ยนองค์กรให้ก้าวทันต่อความเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย ตลอดจนการดูแลเอาใจใส่ สร้างขวัญกำลังใจด้านสวัสดิการแก่พนักงาน จนนำมาซึ่งความภาคภูมิใจแก่ชาว รฟท. และองค์กร ในช่วง 4 ปี ที่ผ่านมา เป็นยุคที่มีการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานการขนส่งระบบรางครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์ ที่ทำให้องค์กร ประชาชน และประเทศชาติ มีการพัฒนาก้าวหน้าได้อย่างเป็นรูปธรรม.