กทท.ผนึกขบ. บูรณาการข้อมูลขนส่งสินค้า หนุนเป็นท่าเรือ World Class Gateway Port

ผู้ชมทั้งหมด 518 

การท่าเรือฯ ลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมกับกรมการขนส่งทางบก บูรณาการข้อมูลด้านการขนส่งสินค้า ยกระดับท่าเรือสู่ World Class Gateway Port

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2565 การท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงระหว่าง กทท. และกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เพื่อบูรณาการข้อมูลสารสนเทศร่วมกันผ่านระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์และช่วยสนับสนุนการปฏิบัติภารกิจในการบริหารจัดการยานพาหนะให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพตามที่กฎหมายกำหนด โดยมีนายเกรียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข ผู้อำนวยการ กทท. และนายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลง พร้อมด้วย นายเรืองศักดิ์ บำเหน็จพันธุ์ รองผู้อำนวยการ กทท. สายเทคโนโลยีสารสนเทศ นายบัณฑิต  สาครวิศวะ ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง นางสาวรัตนา อิทธิอมร ผู้อำนวยการสำนักการขนส่งสินค้า ขบ. และนายพงศ์ธร  จันทราธิบดี ผู้อำนวยการสำนักกฎหมาย ขบ. ร่วมเป็นสักขีพยานฯ ณ ห้องประชุมชั้น 19 อาคารที่ทำการ กทท.

นายเกรียงไกร กล่าวว่า สำหรับการบูรณาการข้อมูลดังกล่าว เป็นไปตามนโยบายของ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และ ดร.อธิรัฐ  รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ในการบูรณาการร่วมกันระหว่างหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม เพื่อทำให้เกิดประสิทธิภาพด้านข้อมูลและเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ผู้ประกอบการด้านการขนส่งในการแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านการขนส่งระหว่าง กทท. และ ขบ.  

โดย กทท. จะนำข้อมูลจาก ขบ. ไปใช้ประโยชน์ ได้แก่ ข้อมูลทางทะเบียนยานพาหนะไปใช้ในการดำเนินการในระบบตัดบัญชีใบกำกับการขนย้ายสินค้าทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Matching) ที่พัฒนาเชื่อมโยงข้อมูลเกี่ยวกับกระบวนงานพิธีการส่งออกร่วมกับกรมศุลกากร และข้อมูลใบอนุญาตขับรถให้เป็นไปตามข้อบังคับว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยของเรือและท่าเรือระหว่างประเทศ (ISPS CODE)

ขณะเดียวกัน กทท. จะจัดส่งข้อมูลด้านการบรรทุกสินค้าให้กับ ขบ. เพื่อนำข้อมูลไปวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของปริมาณการขนส่งสินค้า ประเภทสินค้า น้ำหนักบรรทุก รถบรรทุกที่เข้าท่าเรือและเข้าใช้งานสถานีขนส่งสินค้าเพื่อไปกำหนดมาตรการการใช้รถที่ใช้ในการขนส่งสัตว์และสิ่งของให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 ถือเป็นการดำเนินการตามพระราชบัญญัติการบริหารงานและการให้บริการภาครัฐผ่านระบบดิจิทัล พ.ศ. 2562 ที่กำหนดให้หน่วยงานของรัฐต้องมีการบูรณาการฐานข้อมูลของหน่วยงานของรัฐเข้าด้วยกัน เพื่อประโยชน์ในการบริหารราชการแผ่นดินและการให้บริการประชาชน โดยข้อตกลงความร่วมมือฯ ฉบับนี้มีผลใช้บังคับเป็นระยะเวลา 3 ปี นับตั้งแต่วันที่ลงนามในบันทึกข้อตกลงร่วมกัน ทั้งนี้ วิธีการรับและส่งข้อมูลผ่านระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์จะจัดให้มีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยเป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

“กทท. ต้องเร่งให้มีการพัฒนาอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง สำหรับการดําเนินงานด้านข้อมูลดิจิทัลเพื่อพัฒนาการให้บริการ จึงต้องอาศัยความร่วมมือจากหน่วยงานทั้งภายในและภายนอกองค์กร จึงเร่งสร้างเครือข่ายความร่วมมือเพื่อพัฒนาโครงข่ายข้อมูลภาครัฐ ซึ่งจะก่อให้เกิดผลสำเร็จในการพัฒนาองค์กรให้เป็นองค์กรที่สนับสนุนยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขันอย่างแท้จริง และการลงนามความร่วมมือครั้งนี้ นับเป็นก้าวแรกของการพัฒนาร่วมกันที่จะก่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ในอนาคต เพื่อยกระดับท่าเรือสู่ World Class Gateway Port ต่อไป”นายเกรียงไกร กล่าว