กกพ.ลั่นพร้อมตรึงค่าไฟ3.61บาทถึงสิ้นปี64

ผู้ชมทั้งหมด 1,425 

กกพ.ตรึงค่าเอฟทีประจำงวด พ.ค. – ส.ค. 64 ที่ ลบ 15.32 สตางค์ส่งผลให้ค่าไฟฟ้าคงที่อัตรา 3.61 บาทต่อหน่วย พร้อมตรึงค่าไฟฟ้าถึงสิ้นปี 64 หลังประเมินราคาน้ำมันที่ 60 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ค่าเงินบาทแข็งค่าในช่วงปลายปี โดยดึงเงิน 2,610 ล้านบาทบริหารยาวถึงสิ้นปี

นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ในฐานะโฆษก กกพ. เปิดเผยว่า คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) มีมติให้ตรึงค่าไฟฟ้าผันแปร (เอฟที) สำหรับการเรียกเก็บค่าไฟฟ้าในรอบเดือนพฤษภาคม – สิงหาคม 2564 โดยให้เรียกเก็บที่ -15.32 สตางค์ต่อหน่วย ส่งผลให้ผู้ใช้ไฟฟ้ายังคงจ่ายค่าไฟฟ้าเท่าเดิมในอัตรา 3.61 บาทต่อหน่วยต่อไปอีก 4 เดือน

ทั้งนี้จากแนวโน้มราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจาก 54.8 เหรียญสหรัฐต่อบาเรล ในเดือนกุมภาพันธ์ 2564 มาอยู่ในระดับ 60 เหรียญสหรัฐต่อบาเรลในเดือนมีนาคม 2564 และแนวโน้มการอ่อนตัวลงของค่าเงินบาทจาก 30 บาทต่อเหรียญสหรัฐในเดือนกุมภาพันธ์ 2564 มาเป็น 31 บาทต่อเหรียญสหรัฐในเดือนมีนาคม 2564 ประกอบกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด -19 คลี่คลาย เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวจะส่งผลต่อความต้องการใช้เชื้อเพลิงในตลาดโลกอย่างรุนแรง จึงใช้หลักการประเมินค่าเอฟทีตลอดทั้งปีเพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าจะมีศักยภาพในการรักษาเสถียรภาพค่าไฟฟ้าตลอดปี 2564 จะอยู่ในอัตรา 3.61 บาทต่อหน่วย

อย่างไรก็ตามหากการประเมินค่าเอฟทีโดยยึดสมมติฐานเดิมจะส่งผลให้ค่าเอฟทีงวดเดือนพฤษภาคม – สิงหาคม 2564 ปรับตัวลดลง 2.70 สตางค์ต่อหน่วยหรืออยู่ที่ -18.02 สตางค์ต่อหน่วย และอัตราค่าไฟฟ้าจะอยู่ที่ 3.43 บาทต่อหน่วย ส่วนในงวดเดือนกันยายน – ธันวาคม 2564 จะส่งผลให้ค่าเอฟทีปรับเพิ่มขึ้นเป็น 10.07 สตางค์ต่อหน่วยหรือเอฟทีจะเป็น -7.95 และอัตราค่าไฟฟ้าจะอยู่ในระดับ 3.68 บาทต่อหน่วย ซึ่งจะเป็นราคาที่สวิงเกินไป

นอกจากนี้หากพิจารณาความสามารถในการตรึงค่าเอฟทีที่ -15.32 สตางค์ต่อหน่วยตลอดทั้งปี หรือทั้ง 2 งวดพฤษภาคม – สิงหาคม และ กันยายน – ธันวาคม นั้นจะต้องใช้เงินบริหารจำนวน 2,610 ล้านบาท ซึ่งจะส่งผลให้เงินบริหารค่าเอฟทีคงเหลือ 1,519 ล้านบาท จากจำนวนเงินที่มีอยู่ในปัจจุบัน 4,129 ล้านบาท